ความคืบหน้าหลังจากที่ประเทศไทยได้ส่งงานวิจัยสัญชาติไทย "การทดลองปลูกผลึกโปรตีนในอวกาศเพื่อพัฒนายาต้านโรคมาลาเรีย" ของ ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ นักวิจัยอาวุโส ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ได้รับคัดเลือกจากโครงการวิจัยวิทยาศาสตร์อวกาศและการทดลองในอวกาศ National Space Exploration (NSE) ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า ให้ทำการทดลองในสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ในวันนี้งานวิจัยดังกล่าวสำเร็จได้ผลึกโปรตีนที่มีคุณภาพพร้อมใช้ในการศึกษา เพื่อการออกแบบยาต้านมาลาเรียต่อไป
วันที่ 15 มิ.ย.2563 ดร.ชัยรัตน์ หัวหน้างานวิจัยฯ เปิดเผยว่า การตกผลึกโปรตีนมีความสำคัญ โดยจะเห็นโครงสร้างของตัวโปรตีนที่เป็นเป้าหมายของยาอย่างชัดเจน ทำให้ออกแบบตัวยาที่จะสามารถจับกับโปรตีนตัวนี้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเห็นตัวโครงสร้างที่ชัดเจนเปรียบเสมือนเห็นตัวแม่กุญแจแล้วหาลูกกุญแจไปจับเพื่อให้มันเหมาะสม ซึ่งการตกผลึกโปรตีนในอวกาศจะได้ตัวผลึกที่มีคุณภาพที่ดีกว่าการตกผลึกโปรตีนบนพื้นผิวโลก เพราะในอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วง ตัวผลึกก็สามารถสร้างได้แบบธรรมชาติที่สุดในตัวเองและผลการตกผลึกครั้งนี้ออกมาดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
หลังกลับมาจากการทดลองในสถานีอวกาศฯ ผลึกโปรตีนได้ถูกส่งต่อไปยังองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) เพื่อทดลองต่อโดยการยิงแสงซินโครตรอนเพื่อดูการกระเจิงของแสง สิ่งที่ต้องการคือข้อมูลการกระเจิงของแสง แล้วเอาข้อมูลมาคำนวณสร้างเป็นโครงสร้าง 3 มิติของโปรตีนในคอมพิวเตอร์ เพื่อดูว่าหน้าตาเป็นอย่างไร มีช่องไหนที่สามารถนำมาใช้ออกแบบสารเคมี (ยา) ที่สามารถจับกับโปรตีนตัวนี้ได้ดี โดยโปรตีนตัวนี้มีความสำคัญต่อเชื้อ หากยับยั้งการทำงานของโปรตีนตัวนี้ได้เชื้อมาลาเรียก็จะตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการวิจัยต่อไป จุดมุ่งหมายสุดท้ายของภาพรวมทั้งหมด คือ การหายาต้าน “มาลาเรีย”
ด้านโยชิซากิ อิสุมิ หัวหน้าทีมส่งโปรตีนไปอวกาศจาก JAXA กล่าวว่า ได้ดำเนินการเติมสารละลายโปรตีน ณ ฐานยิงจรวด ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ก่อนที่จะทำการส่งเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพื่อป้องกันการทำปฏิกิริยาก่อนของสสาร ทำให้ได้ผลึกอวกาศที่มีคุณภาพและสมบูรณ์มาก โดยจะส่งข้อมูลการกระเจิงของแสงและผลการฉายแสงซินโครตรอนกับโครงสร้างผลึกอวกาศให้จิสด้าภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ขณะที่ ดร.อัมรินทร์ พิมพ์หนู หัวหน้าโครงการ NSE ของจิสด้า กล่าวว่า การทดลองดังกล่าวของ ดร.ชัยรัตน์ แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สามารถพัฒนาเป็นตัวยาต้านโรคมาลาเรียได้ แต่เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถพัฒนาได้ต่อไปในที่สุด เนื่องจากข้อมูลผลึกโปรตีนจากอวกาศที่ได้มานั้นมีความสำคัญที่สุดในการพัฒนาตัวยา และเป็นเหตุผลที่โครงการ NSE ของจิสด้า ได้คัดเลือกเอางานวิจัยดังกล่าวส่งไปทดลองในอวกาศ
นอกจากนี้ โครงการ NSE ยังมีงานวิจัยที่จะรอส่งไปทดลองในอวกาศอีกหลายงานวิจัย เช่น การทดลองคุณภาพอาหารไทยในอวกาศ, การทดลองปลูกพืชเพื่อเป็นแหล่งอาหารในอวกาศ หรือการทดลองเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ป้องกันรังสีคอสมิกจากอวกาศ ซึ่งแต่ละงานวิจัยจะเป็นการส่งเสริมวิทยาศาสตร์อวกาศในประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ส่ง "ผลึกโปรตีน" จากอวกาศกลับโลก พัฒนายาต้านมาลาเรีย