วันนี้ (18 มิ.ย.2563) ความคืบหน้ากรณีความขัดแย้งในอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากมีคำสั่งให้รื้อถอนขนำเฝ้าคอกหอยภายใน 60 วัน โดยวันนี้ชาวประมงพื้นบ้านเกือบ 10 คนช่วยกันรื้อถอนขนำเฝ้าคอกหอยของนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตกำนัน ต.ทุ่งคง อ.กาญจนดิษฐ์ ได้ปลูกสร้างไว้บริเวณชายฝั่งทะเลในพื้นที่ ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน
นายพงษ์ศักดิ์ ยอมรับว่า ใจหาย แต่ก็ยอมทำเพื่อลดความขัดแย้ง และต้องการปฎิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี ที่มีคำสั่งให้รื้อถอนขนำเฝ้าคอกหอยใน 60 วัน และเห็นว่าการปฎิบัติตามกฎหมาย จะช่วยลดความขัดแย้งลงได้
การรื้อถอนขนำเฝ้าคอกหอย ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างกลางทะเล ชาวประมงพื้นบ้านจะต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จะใช้ในการรื้อถอน
มีชาวบ้านมาช่วยกันหลายคนต้องรื้ออย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย
ขนำเฝ้าคอกหอยแต่ละหลังมีมูลค่าก่อสร้างตั้งแต่หลักแสนบาท ไปจนถึงหลายล้านบาท แล้วแต่ขนาดเล็กใหญ่และพื้นที่ใช้สอย ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านที่มารื้อถอนขนำในวันนี้ บอกว่ารู้สึกใจหายที่ต้องเห็นการรื้อถอน แต่ก็พร้อมยอมรับเพื่อปฎิบัติตามกฎหมาย และเพื่อให้ทะเลเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้
ขณะนี้มีเจ้าของคอกหอยยอมรื้อถอนขนำเฝ้าคอกหอยด้วยตัวเองแล้ว 4 หลัง แบ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลในเขตอำเภอพุนพิน 1 หลังและเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีอีก 3 หลัง โดยนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการ จ.สุราษฎร์ธานีได้นำกำลังอาสาสมัครเข้าช่วยรื้อถอนขนำในเขตอำเภอเมืองด้วย พร้อมระบุว่าเจ้าของคอกหอยหลายคนให้ความร่วมมือรื้อถอนกันเป็นอย่างดี
ตอนนี้มีขนำขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการที่ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน และผู้ประกอบการ ต่อไปจะมีการทยอยรื้อถอนเพิ่มขึ้นอีกหลายหลัง
จับตาคืนทะเลเป็นพื้นที่สาธารณะได้หรือไม่
ด้านนายประวีณ จุลภักดี อดีตคณะกรรมการประมง จ.สุราษฎร์ธานี มองว่าการบังคับใช้กฎหมายให้ผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในกระบวนการแก้ปัญหาอ่าวบ้านดอนทั้งหมด จะต้องมีการจับตาว่าสามารถไปถึงจุดหมายการคืนพื้นที่สาธารณะให้กับชาวประมงพื้นบ้านได้จริงหรือไม่ การดูแลทรัพยากรประมง ไม่ใช่เฉพาะใช้ พ.ร.ก ประมงเท่านั้น ส่วนราชการต้องหารือกันให้เรียบร้อย รวมถึงต้องเปิดให้ชุมชนท้องถิ่นต้องมีส่วนร่วมด้วย
สำหรับไม้และวัสดุที่ได้จากการรื้อถอนขนำเฝ้าคอกหอย ชาวบ้านระบุว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันในชุมชน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ซึ่งบูรณาการภายใต้การทำงานของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือศรชลยังคงเดินหน้าเก็บหลักฐานและหาพิกัดที่ตั้งขนำซึ่งบุกรุกสร้างกลางทะเลโดยผิดกฎหมาย เพื่อส่งดำเนินคดีก่อนนำไปสู่กระบวนการรื้อถอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งรื้อคอกหอยรุก "อ่าวบ้านดอน" คืนอิสรภาพทะเล
ขีดเส้น 2 เดือน รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำ "คอกหอย"