วันนี้ (8 ก.ค.63) นายชูศักดิ์ และ น.ส.ทิวานันท์ ผลประทีปสุริยา อายุ 35 ปี สามี-ภรรยา เจ้าของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร “สวนประเสริฐอินทผลัม เซราะกราว” ตั้งอยู่ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.หญิง พิชญานิน ปลั่งกลาง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับ น.ส.ชลธิชา (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.มหาสารคาม หลังนำรูปภาพของ น.ส.ทิวานันท์ จากเฟซบุ๊กไปใช้เป็นรูปโปรไฟล์ในการเปิดเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า “ชลธิชา บ้านไร่สวนงามอินทผลัม” เพื่อแอบอ้างหลอกลวงลูกค้าว่าขายอินทผลัมแต่เมื่อลูกค้าหลงเชื่อสั่งซื้อโอนเงินเข้าบัญชีแต่กลับไม่ได้รับอินทผลัมตามคำสั่งซื้อ
น.ส.ทิวานันท์ กล่าวว่า ทราบว่าถูกมิจฉาชีพนำรูปไปเป็นโปรไฟล์เปิดเฟซบุ๊กเพื่อหลอกขายอินทผลัม เนื่องจากมีลูกค้าคนหนึ่งที่ถูกหลอกไปโพสต์ในอินทผลัมแห่งประเทศไทยว่า “ดูหน้าคนโกงชัด ๆ ค่ะ” โดยในเพจเฟซบุ๊กนั้นเป็นรูปของตัวเองทำให้รู้สึกตกใจมากจึงได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์จึงทราบว่า ได้สั่งอินทผลัมกับเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวโดยโอนเงินไปจำนวน 1,160 บาทแต่ไม่ได้ของตามที่สั่ง ซึ่งได้ชี้แจงรายละเอียดให้ฟังว่า ตนเองเป็นเจ้าของสวนจริงแต่เฟซบุ๊กนั้นเป็นของมิจฉาชีพที่ขโมยรูปไปเปิด ซึ่งลูกค้าคนดังกล่าวก็เข้าใจเพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกันจึงได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามหาเจ้าของเฟซบุ๊กที่ขโมยรูปถ่ายไปเป็นโปรไฟล์แล้วหลอกผู้อื่น คาดว่าน่าจะมีคนถูกหลอกหลายคนแต่อาจจะยังไม่ได้แจ้งความ
การกระทำในลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการหลอกลวงลูกค้าแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับสวนอินทผลัมของตนเองที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรมีชื่อเสียงของจังหวัด และอาจกระทบไปถึงสวนอื่น ๆ ที่ขายอินทผลัมผ่านออนไลน์ เพราะอาจทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดขาดความเชื่อมั่นได้จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายถึงที่สุด
หลังรับแจ้งความร้องทุกข์ทางพนักงานสอบสวน ได้ทำหนังสือถึงธนาคารให้ช่วยตรวจสอบว่า เจ้าของบัญชีปลายทางที่โอนเงินไปเป็นบุคคลใด จากนั้นก็จะออกหมายเรียกมาสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป