กรณีชมรมคนรักเขาค้อ–ภูทับเบิก โพสต์ภาพจุดกางเต็นท์บริเวณเขาหัวสิงห์ จ.เพชรบูรณ์ และตั้งข้อสังเกตว่าอยู่บนภูเขาสูง ที่มีสภาพเป็นป่าสามารถตั้งจุดกางเต็นท์ได้หรือไม่ และบดบังทัศนียภาพความสวยงามทางธรรมชาติ และเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้ารื้อถอน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
วันนี้ (9 ก.ค.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์ ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าว ตั้งอยู่บนหน้าผา สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เขา และทะเลหมอก 360 องศา และพบว่าก่อนที่จะถึงผาหัวสิงห์ประมาณ 100 เมตร ได้มีการสร้างบ้านพัก จำนวน 5 หลัง และเต้นท์อีกจำนวน 5 หลัง
เจ้าของสถานที่ที่กำลังก่อสร้างแห่งนี้ เล่าว่า เดิมเป็นที่รัฐจัดสรรให้ทำการเกษตร ปลูกกะหล่ำปลี แต่ต่อมาก็ขาดทุน จึงสร้างบ้านพัก จากแต่เดิมให้เป็นพื้นที่กางเต้นท์ แต่ด้วยฝนตกอากาศหนาว นักท่องเที่ยวเรียกร้องให้ทำบ้านจึงปรับปรุงพื้นที่ แต่ยืนยันว่าสร้างในกรอบที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 4 หลัง และห่างจากผาหัวสิงห์ ตั้ง 100 เมตรแล้ว
ขณะที่นายสุริยา กาละสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ตรวจสอบพื้นที่ ยืนยันว่าอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิกัด 47Q 723360 1867721 ซึ่งพื้นที่ตามพิกัดอยู่ท้องที่บ้านน้ำเพียงดิน ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โดยมีการตรวจสอบรายละเอียดตามแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และภาพถ่ายที่ทางเจ้าหน้าที่อช.ภูหินร่องกล้า ได้ตรวจสอบ
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
กรมป่าไม้ เอาผิดบุกรุกป่า-ขัดคำสั่งคสช.
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา นายอัครชัย อาสุ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมชุดพยัคฆ์ไพร เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณเขาหัวสิงห์ โดยพบการบุกรุกขยายพื้นที่ 3 แปลงรายใหม่ โดยแปลงแรกพื้นที่ประมาณ 19 ไร่ ประกอบด้วยที่พักมุงสังกะสี 4 หลัง และลานกางเต้นท์ จะได้ให้ผู้ครอบครองพื้นที่นำหลักฐานแสดงการได้มาของที่ดินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในวันนี้
ส่วนแปลงที่ 2 อยู่ติดกับผาหัวสิงห์ เป็นบริเวณที่ก่อสร้างตึกขาว 2 ชั้น และลานกางเต็นท์ที่ถูกนำมาวิจารณ์ในโซเชียล พื้นที่ 3 ไร่เศษ มีอาคาร 2 ชั้น 1 หลัง ห้องน้ำ ห้องสุขา 1 หลัง และลานกางเต้นท์ ซึ่งพบว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมจากเดิมที่ครอบครองเพียง 1 ไร่เศษ และ แปลงที่ 3 ยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ประกอบด้วยบ้านพักอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 หลัง ห้องน้ำจำนวน 1 หลัง ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง
ภาพ:กรมป่าไม้
ทั้งหมด 3 แปลงที่อยู่ผาเขาหัวสิงห์เป็นการบุกรุกขยายพื้นที่ชัดเจน และใช้พื้นที่ได้สิทธิ์ครอบครองไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการกทำเกษตร โดยเฉพาะเป็นพื้นที่พื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ นอกจากแจ้งดำเนินคดียังถือว่าขัดคำสั่งคสช.ที่ 35/2559 เรื่องแก้ปัญหาที่ดินบนภูทับเบิกแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสิทธิ์การครอบครองใช้พื้นที่
นายอรรถพล กล่าวว่า พื้นที่ป่าภูทับเบิก ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก และมีการกำหนดกติกาชัดเจนว่าต้องไม่บุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มเติม และต้องไม่ก่อสร้างรีสอร์ตที่พัก และถูกควบคุมโดยพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งยังไม่ยกเลิกท้องถิ่นมีอำนาจในการสั่งรื้อถอนได้ รวมถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ด้วย
กำชับให้เร่งรัดดำเนินคดีทั้งหมด รวมถึงใช้อำนาจคำสั่ง คสช.เพื่อเข้าสู่กระบวนการรื้อถอนโดยเร็ว โดยวันนี้ทางอบต.ได้เข้าไปติดป้ายห้ามใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้ว
ถกปัญหาลานกางเต็นท์-รีสอร์ตรุกป่าเพิ่ม
ด้านนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ รับทราบปัญหาแล้ว และจะประชุมเพื่อให้ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบูรณ์ ชี้ชัดว่า การสร้างที่พักดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ในวันนี้
สำหรับการตรวจยึดที่ดินบุกรุกป่าภูทับเบิก เข้าข่ายความผิดในเขตป่าตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ท้องที่บ้านน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มาตรา 54 ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือกระทำผิดด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 55 ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตราก่อนให้สันนิฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น
ไทม์ไลน์ตรวจสอบความผิดบุกรุกผาหัวสิงห์
เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) เวลา 13.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้ประชุมร่วมกันที่ อบต.บ้านเนิน ที่ประชุมได้มีมติให้ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย บริเวณผาหัวสิงห์ หยุดการก่อสร้างเพิ่มเติม และได้ร่วมกันติดประกาศบริเวณพื้นที่ครอบครองของแต่ละราย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522
- คณะเจ้าหน้าที่ได้ให้นายเงี๋ยป๋อ แซ่ท่อ ผู้ครอบครองพื้นที่เดิม พ่อนายกัวเน้ง แซ่ท่อ นำชี้บริเวณพื้นที่เคยครอบครองก่อนแบ่งให้ทายาท ปรากฏว่านายเงี๋ยป๋อ นำชี้พื้นที่ 21.3 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของผาหัวสิงห์ โดยพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ 1 ไร่
- เปรียบเทียบข้อมูลที่คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 25-26 มิ.ย.63 ปรากฏว่าผู้ครอบครองพื้นที่ 1 คน คือ นายกัวเน้ง แซ่ท่อ นำชี้พื้นที่ครอบครองเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. จำนวน 3.2 ไร่ (เป็นพื้นที่ป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ และพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ โดยแจ้งว่าได้รับมรดกตกทอดจากพ่อ ตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่นายกัวเน้ง นำชี้อยู่นอกพื้นที่ของนายเงี๋ยป๋อ จำนวน 1.2 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกขยายพื้นที่เพิ่มเติม และเป็นการประกอบกิจการประเภทที่พักชั่วคราวหรือโรงแรม ซึ่งได้มีการก่อสร้างตึก 2 ชั้น เพิ่มเติมในปี พ.ศ.2563 อันเป็นการขัดคำสั่ง คสช.ที่ 35/2559 ลงวันที่ 5 ก.ค.2559 และคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 ลงวันที่ 12 มิ.ย.2562 คณะเจ้าหน้าที่จึงมีความเห็นว่าการกระทำของนายกัวเน้ง เป็นการทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 54 จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ จำนวน 3.2 ไร่