วันนี้ (12 ก.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกและเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านจาก 18 จังหวัด ประชุมร่วมกันที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อพิจารณาความเดือดร้อนของสมาชิกชาวประมงพื้นบ้าน กรณีพื้นที่สาธารณะประโยชน์ทางทะเลอ่าวบ้านดอนถูกบุกรุกเป็นแปลงเพาะเลี้ยงหอยแครง โดยสมาชิกล้วนแสดงความกังวลและมองว่ากรณีพิพาทอ่าวบ้านดอนเป็นปัญหาสาธารณะระดับประเทศ หากภาคส่วนต่างๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะส่งผลต่อพื้นที่ทางทะเลทั่วประเทศที่อาจกลายเป็นไฟลามทุ่งในอนาคต ซึ่งจะมีการบุกรุกครอบครองของกลุ่มทุน และผู้มีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะใน จ.สุราษฎร์ธานีเพียงแห่งเดียว
ขณะที่ พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีคอกหอย ซึ่งบุกรุกปลูกสร้างโดยผิดกฎหมายใน อ.พุนพิน และ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี แล้วกว่า 100 คดี รื้อถอนแล้ว 28 คดี จึงขอให้ผู้ประกอบการที่เหลือเร่งรื้อถอนโดยเร็ว ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ปิดหมายประกาศคำสั่งวันใดทรัพย์สินจะตกเป็นของกลางทันที
ส่วนผู้ประกอบการรายใดมีความประสงค์จะอุทธรณ์ตามกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาและถูกควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายกรมประมงและกฎหมายของกรมเจ้าท่าเสียก่อน จากนั้นจะขายทอดตลาด
ด้านนายพรศักดิ์ ศักดิ์ธานี ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปีนี้มีพื้นที่หอยเกิดใหม่ปริมาณมากบริเวณอ่าวปากพูน และบริเวณแหลมตะลุมพุก ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูมรสุมคลื่นลมจะกระจายลูกหอยเหล่านี้ไปจนเต็มอ่าว สร้างความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ขณะนี้ได้เกิดปัญหาตามมาคือ มีชาวประมงพื้นบ้านจากต่างพื้นที่เข้ามาเก็บลูกหอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณหอยในอนาคต
ดังนั้น จึงเตรียมส่งเสริมให้ชาวบ้านใช้กุศโลบายกระโจมบ้านปลา คือ ทะเลอยู่หน้าชุมชนไหน ชุมชนนั้นจะร่วมกันดูแลรักษาใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ข้อตกลงของชุมชนจะมีการอนุรักษ์ลูกหอยให้เติบโตจนได้ขนาดแล้วเก็บหา แต่บุคคลจากชุมชนอื่นไม่เคารพกติกา ซึ่งต้องประชาสัมพันธ์และหามาตรการทางกฎหมายมาปกป้องพื้นที่ ซึ่งมีพ่อแม่พันธุ์หอยเพื่อการขยายพันธ์ต่อไป