เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2563 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้เผยแพร่คำเตือนถึงชาวไทยและแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน ซึ่งอยู่ในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตฯ เนื่องจากทราบมาว่า มีคนไทยบางคนในกลุ่มแรงงานในอุซเบกิสถาน กำลังวางแผนประท้วง โดยจะเผาแคมป์คนงาน เพื่อหวังจะออกสื่อ เพื่อกดดันให้ได้กลับประเทศไทยเร็วขึ้นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งหากกระทำการดังกล่าวจะต้องถูกจับดำเนินคดีและจำคุกในประเทศอุซเบกิสถาน กว่าจะได้เดินทางกลับไทยอาจเป็นเวลา 10 ปี หรือ 15 ปี จึงขอให้อดทนและเรียนรู้ที่จะรอ พร้อมปฏิบัติตามระเบียบที่ต่างประเทศกำหนดไว้ มิฉะนั้นทุกอย่างที่กำลังเดินหน้าอาจต้องกลับมาเริ่มที่จุดเริ่มต้นใหม่
อย่างไรก็ตาม การคิดจะเผาหรือทำลายแคมป์คนงาน เพื่อระบายอารมณ์หรือประท้วงกับการที่ยังไม่ได้เดินทางกลับไทยนั้น เสมือนเป็นการทำลายตัวเองและทำลายประเทศไทย ซึ่งอาจทำให้ไม่ได้เดินทางกลับ เพราะต้องถูกจับและถูกจำคุกในฐานะผู้วางเพลิง
ทั้งนี้ สนามบินนานาชาติของอุซเบกิสถานยังคงปิดทำการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการที่จะนำคนไทยกลับประเทศ แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ก็พร้อมหาทางที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดและประหยัดที่สุด สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางออกจากประเทศอุซเบกิสถาน จึงขอให้กลุ่มคนดังกล่าวอย่าตัดโอกาสของตัวเองที่จะได้เดินทางไปพบกับครอบครัวและคนที่รัก แม้ว่าอาจจะต้องรออีกสักพัก แต่ขอให้มีความอดทน ระวังรักษาตนเอง ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตฯ จะส่งข่าวให้ทราบเป็นระยะ
กต.เผยแรงงานไทยในอุซเบกิสถานติดเชื้อ 27 คน
ด้านนายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยว่า กต.ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตฯ เพิ่มเติมว่า มีแรงงานไทยในอุซเบกิสถานตรวจพบเชื้อ COVID-19 จำนวน 27 คน จึงสร้างความวิตกกังวลในกลุ่มแรงงานไทยด้วยกัน ซึ่งแรงงานที่ติดเชื้อได้ถูกแยกไปกักตัวในสถานที่แยกต่างหากจากแรงงานคนไทยอื่นๆ และมีการดูแลรักษาตามมาตรการสาธารณสุขของอุซเบกิสถานแล้ว
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการนำคนไทยกลับประเทศ โดยคำนึงถึงทางเลือกที่สามารถทำได้ในขณะที่สนามบินนานาชาติของอุซเบกิสถานยังปิดทำการอยู่ ดังนั้นจึงขอให้แรงงานไทยในอุซเบกิสถานมีความอดทน ติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิดในช่วงที่รอรับความช่วยเหลือนี้