วันนี้ (9 ส.ค.2563) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ถูกเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการอนุมัติงบประมาณ ว่า ขณะนี้ตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงยังไม่สามารถติดต่อกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ช.จ่อเรียกอธิบดีน้ำบาดาล ให้ข้อมูลถูกรีด 5 ล้าน แลกผ่านงบ'64
แต่ต้องเรียนว่า ตั้งแต่เริ่มพิจารณางบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นในชั้นคณะกรรมาธิการมาจนถึงอนุกรรมาธิการ ต้องขอบคุณสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติทุกคน ไม่ว่าจะด้วยวาระใด กระทรวงทรัพย์ฯ ได้รับความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจอย่างดี
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้อยู่ในสถานที่ ได้ยินข่าวและข้อมูลที่ไม่ตรงกันอยู่บ้าง จึงไม่อยากให้ความเห็นในช่วงที่ข้อมูลยังไม่ตรงกัน
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหารจะทำหน้าที่ว่า เมื่อได้รับงบประมาณมาเท่าใด เราก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในการที่จะผลักดันให้งบประมาณออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด
การเข้าไปชี้แจงงบประมาณหรือพูดคุยซักถาม ที่บางครั้งต้องมีการปรับลดงบประมาณนั้น อาจจะต้องมีการกระทบกระทั่งระหว่างกรรมาธิการกับข้าราชการ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ละปีจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า ในวันที่ 10 ส.ค.คงจะมีการพูดคุยกันในประเด็นดังกล่าว กับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เชื่อว่าท้ายที่สุดจะสามารถพูดคุยกัน และลุล่วงไปด้วยดี
“เป้าหมายของกรรมาธิการคงดูความคุ้มค่าของงบประมาณ สิ่งไหนที่ทางกรรมาธิการดูแล และไม่เป็นไปตามที่คิดก็อาจจะขอปรับลดบ้าง ทางฝ่ายราชการก็อาจจะมีความเห็นต่างกันไป พูดกันไปพูดกันมา หนึ่งบวกหนึ่งอาจจะไม่ใช่สองเสมอไป แต่เชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจดี เพื่อที่จะให้งบประมาณออกมาเป็นผลงาน และเพื่อประชาชน” นายวราวุธกล่าว
นายวราวุธ กล่าวว่า ท้ายที่สุดต้องมาดูว่างบประมาณ แต่ละกรม แต่ละกระทรวงที่ได้นั้นได้มาประมาณเท่าใด หรือผลักดันออกมาเป็นผลงานได้เท่าใด ตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด เงินงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน แต่ละบาท แต่ละสตางค์ สามารถผลักดันให้ออกมาเป็นผลงานให้ประชาชนกับมากน้อยแค่ไหน
บางครั้งถ้าโดนตัด อาจจะไม่ถูกตัดตามที่เป็นข่าว เพราะว่ามีเหตุบางเหตุที่ต้องขอความร่วมมือจากทุกๆ หน่วยงาน เพื่อตัดแบ่งงบประมาณออกไปบ้าง 3 % 5 % 10 % ยกตัวอย่างช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่มีการตัดลดงบประมาณในทุกหน่วยงาน ซึ่งมันจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้ทุกปี อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องฟังข้อมูลให้ละเอียดก่อน ฟังฝ่ายเดียวคงไม่ได้
นายวราวุธกล่าวถึงเรื่องการขุดบ่อบาดาล ว่า นาทีนี้เรื่องน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญ ตนไม่ยอมให้ใครมาบีบหรอก คิดแค่ว่าบ่อบาดาลอยู่ที่ไหน เกษตรกรได้ประโยชน์ ใครจะทำอย่างไรเรื่องของคุณ แต่ตนต้องการบ่อบาดาลที่อยู่ตรงนี้ และต้องการให้งานออกมาดี ประชาชนได้ประโยชน์
แต่ถ้าออกมาแล้ว มาฟันกัน 20 % 30 % แล้วงานราชการออกมาเสียหาย อันนี้ผมรับไม่ได้ ดังนั้น ในขณะที่ผมยังเป็นรัฐมนตรี จะไม่ยอมให้ใครมาทำให้เงินงบประมาณของกระทรวงทรัพย์ฯ ใช้ไปทางที่ไม่เกิดประโยชน์ ผมไม่ยอม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นเรื่องปกติหรือผิดปกติ นายวราวุธกล่าวว่า การที่มีข่าวเช่นนี้ออกมา บางครั้งตนก็จะได้ยิน เพราะอยู่ในวงการการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ท้ายที่สุดจะไม่มีอะไร ขู่กันบ้าง เถียงกันบ้าง ตามประสาการพูดคุยในที่ประชุม แต่สุดท้ายจะไม่มีอะไร จบ และแยกย้ายกันไปทำงานด้วยดี
เมื่อถามว่า ถ้ามันมีเรื่องดังกล่าวจริงๆ จะบอกกับกรรมาธิการคนดังกล่าวอย่างไร นายวราวุธกล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็น เพราะไม่อยากใช้คำว่าถ้า เพราะถ้าใช้คำว่าถ้าจะไปขยายความต่อได้ ตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
บางครั้งเรื่องที่เขาบอกว่า เขาเล่าว่า พอไปตรวจสอบกันจริงๆ มันโอละพ่อ จึงไม่อยากให้ความเห็น ในขณะที่ยังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ครบถ้วน
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าจะหาข้อมูลให้ครบถ้วน แนวทางจะเป็นอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า คงต้องมีการพูดคุยกับทางอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลและทางกรรมาธิการฯ ท้ายที่สุดสิ่งสำคัญงบประมาณของกรมอยู่ที่เท่าไร สามารถผลักดันเป็นผลงานของกระทรวงได้มากน้อยแค่ไหน อันนี้มันสำคัญมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การขู่ในลักษณะนี้อาจจะเป็นการยกเมฆขึ้นมาหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า อาจจะไม่ใช่การยกเมฆ ตนถึงได้บอกว่าเรายังไม่รู้ว่ามีการพูดคุยกันอย่างไร เพราะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องรอฟังความให้ครบทุกฝ่ายก่อน จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด