อธิบดีกรมบาดาลส่งรายงานลับปมเรียกเงิน 5 ล้านผ่านงบฯ

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ส่งรายงานลับปมเรียกเงิน 5 ล้านบาทแลกกับการผ่านงบประมาณปี 2564 ให้ปลัด ทส.ส่งต่อ "วราวุธ" และสภาตรวจสอบ ขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขออย่าเหมารวมว่าสภาฯ เป็นแหล่งเรียกรับผลประโยชน์ เรียกร้องให้อธิบดีออกมาเปิดข้อมูลให้กระจ่าง

วันนี้ (11 ส.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตอบคำถามแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อถามว่ามีคลิปเสียงสนทนาเรียกรับเงิน แลกกับการผ่านงบประมาณปี 2564 ระหว่างอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กับ ส.ส.ในอนุบูรณาการน้ำหรือไม่

คลิปลับพี่ไม่เห็น จะมีหรือไม่ แต่ในรายงานก็พูดถึงมีการสนทนากันอยู่ แต่จะอัดเทปหรือเปล่าไม่รู้ อันนี้ก็ว่ากันไป อาจจะเป็นหลักฐานซึ่งอธิบดีต้องไปรับผิดชอบตรงนี้เอง

ปลัด ทส. ยังยืนยันว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ทำรายงานเป็นเอกสารลับส่งมาให้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอให้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้นจะยื่นเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมธิการชุดใหญ่ โดยหลังจากนี้ นายศักดิ์ดาต้องรับผิดชอบพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อสร้างความกระจ่างกับสังคม

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ขณะที่วันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวสังเกตที่ตึกกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ยังไม่พบว่าอธิบดีเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่กรมฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าอธิบดีติดภารกิจต่างจังหวัดหลายวัน

"ชวน" ขอให้อธิบดีทรัพยากรน้ำบาดาลแจงข้อเท็จจริง

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้สั่งให้เลขาธิการสภาฯ และกรรมาธิการกิจการสภาฯ ติดตามปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์จากหน่วยงานราชการ ในการจัดสรรงบประมาณปี 2564 เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนระดับหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว และหาก ป.ป.ช.สอบถามมาก็ต้องพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง

แต่ปัญหาของเรื่องนี้ ประธานรัฐสภา ระบุว่า อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลต้องออกมาขยายผลให้ชัดเจน หลังออกมาอ้างอิงแล้วก็ต้องร่วมมือและช่วยกันสกัดพฤติกรรมในลักษณะนี้ ซึ่งก็เชื่อว่าเป็นปัญหาที่ตัวบุคคลมากกว่าที่จะเหมารวมทั้งระบบ หรือเป็นกิจการโรงงานสภาฯ ตามข้อสังเกตถึงการกระทำที่เป็นกระบวนการในอนุกรรมาธิการฯ

เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กล้าออกมาพูด ก็ควรขยายผลออกไปว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร เพื่อสกัดหรือขจัดพฤติกรรมคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาตัวบุคคล ไม่ใช่ระบบหรือสมาชิกทั้งหมด ต้องให้โอกาสคนส่วนใหญ่ด้วย อย่าไปเหมาว่าทั้งหมดเป็นแบบนั้น

ไม่ว่าจะปัญหา "ตบทรัพย์-รีดไถ-หักหัวคิว หรือเรียกรับผลประโยชน์" นายสันติ พร้อมพัฒน์ ประธาน กมธ.พิจารณางบประมาณปี 2564 กล่าวย้ำที่จะตรวจสอบจากประธานอนุกรรมาธิการทั้ง 8 คณะ และพร้อมจะให้องค์กรหรือหน่วยงานอื่น ทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท., สตง.เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ไปคุยกันส่วนตัวหรือเปล่า

มีข้อมูลจาก ส.ส.พรรคการเมืองฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า พฤติกรรม ส.ส.เรียกรับผลประโยชน์จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาจาก 2 โครงการในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ 1.โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรใน 31 จังหวัด รวม 922 ล้านบาท และ 2.โครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อการอุปโภคและบริโภค 22 จังหวัด รวม 225 ล้านบาท

สาเหตุที่มีทั้ง ส.ส.พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านรู้เห็น เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณไว้สูงเกินจริง และเปิดช่องให้มีการต่อรองกันเกิดขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่จะดำเนินการในพื้นที่การเมือง ทั้งแบบหักหัวคิวอย่างน้อย 2% และในแบบเรียกรับผลประโยชน์ภายหลัง โดย ส.ส.ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อรองก็มักจะเป็น ส.ส.ในพรรคการเมืองที่มีตัวแทนนั่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วย หรือเกือบจะเรียกว่าเป็นเจ้าถิ่นของกระทรวงนั้นๆ