วันนี้ (21 ส.ค.2563) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ใน กมธ.งบประมาณฯ 64 แถลงว่า ในการประชุมอนุ กมธ.ฯ ซึ่งพิจารณาของหน่วยงานกองทัพเรือ มีประเด็นสำคัญ คือ การเสนอของบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่าลำละ 11,250 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 22,500 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือที่มาชี้แจง ยืนยันว่า จะต้องจัดซื้อเรือดำน้ำภายในปีงบประมาณ 2564 เพื่อความมั่นคงทางทะเล
อย่างไรก็ตามอนุกมธ.ฯ ในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน โต้แย้ง และขอให้จัดซื้อในงบประมาณปีถัดไป เพราะขณะนี้ประชาชนมีภาวะยากลำบาก จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ทางกองทัพเรือยืนยันต้องจัดซื้อ อย่างไรก็ดีการจัดซื้อเรือดำน้ำดังกล่าวในปี 2563 ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลของบคืน เพื่อไปแก้ปัญหา COVID-19
“ในการชี้แจงของหน่วยงาน ได้นำเอ็มโอยู ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ลงนาม เมื่อการจัดซื้อเรือดำนำลำแรก มาแสดงต่อที่ประชุม ขณะที่การจัดซื้อลำที่ 2 และลำที่ 3 ที่เสนอขอไม่มีรายละเอียดใดๆ อย่างไรก็ตามการพิจารณาทางกมธ. ทั้ง 10 คนต้องลงมติเพื่อตัดสิน ผลปรากฎว่าอนุ กมธ. ที่มาจากฝ่ายค้านแพ้”
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า ในการลงมตินั้น เสียง "เห็นด้วยให้จัดซื้อ" มี 4 เสียง ประกอบด้วย นายจีรเดช ศรีวิราช พรรคพลังประชารัฐ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู พรรคประชาธิปัตย์ นางกรณิต งามสุคนธ์รัตนา พรรคพลังประชารัฐ และนายชยุต ภุมมะกาญจนะ พรรคภูมิใจไทย
ขณะที่เสียง "ไม่เห็นด้วย" ในตัวแทนฝ่ายค้าน 4 เสียง ประกอบด้วย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร พรรคเพื่อไทย นพ.เรวัต วิศรุตเวช พรรคเสรีรวมไทย และน.ส.วรรณวลี ตะล่อมสิน พรรคก้าวไกล ทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
นายสุพล ฟองงาม ในฐานะประธานฯ ต้องลงคะแนนเพื่อตัดสิน ทำให้เสียงเห็นด้วยให้ซื้อชนะไป ซึ่งตนขอฟ้องประชาชนให้ติดตามการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ไม่มีความจำเป็น แต่ต้องซื้อในภาวะที่ประชาชนมีชีวิตยากลำบาก
ขณะที่ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ในฐานะอนุกมธ.ฯ แถลงด้วยว่า อนุกมธ. เสียงข้างน้อย จะสงวนความเห็น เพื่อไปพิจารณาในวาระสองต่อไป
อย่างไรก็ตามอนุกมธ. ฝ่ายค้าน ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยให้จัดซื้อ แต่ในสถานการณ์ภาวะประเทศมีวิกฤตควรชะลอไปก่อน หากสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว จะซื้อ 4-5 ลำ ย่อมทำได้เพื่อความมั่นคงทางการทหาร