วันนี้ (27 ส.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ของนพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.โรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพ และข้อความเตือนภัยว่า เด็ก 3 ขวบเอาแบตเตอรี่นาฬิกาใช้แล้วใส่จมูก
แม่ของเด็กพบว่าลูกสาววัย 3 ขวบหายใจติดขัด นอนกรน มีน้ำมูกไหลคล้ายหนอง มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ไม่ค่อยร่าเริง งอแง เอามือขยี้จมูกบ่อยๆ คิดว่าเป็นหวัด จึงพามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสิชล ส่งพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก การตรวจเด็กค่อนข้างลำบากไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่จากประสบ การณ์ จึงทราบได้ทันทีว่าน่าจะมีสิ่งแปลกปลอมในรูจมูก จึงส่งเอกซเรย์ส่วนศีรษะก่อนเป็นลำดับแรก พบว่ามีชิ้นส่วนโลหะอยู่ในรูจมูกด้านซ้าย
จึงให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหาร ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด เตรียมเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจดมยาสลบ เมื่อใช้เครื่องมือส่องกล้องกำลังขยายสูงไปในรูจมูกด้านซ้าย โดยพบว่าหลังจากดูดหนองออกจนหมด จะพบว่ารูจมูกอุดตัน ไม่เห็นก้อนสิ่งแปลกปลอมใดๆ เพราะมีเนื้อเยื่อมาหุ้มปิดจนมิด ต้องใช้คีมแหวกผ่าตัดเปิดออก
เมื่อผ่าตัดเอาก้อนแบตเตอรี่ออกมาแล้ว จะเห็นว่าเนื้อเยื่อจมูกเป็นสีดำคล้ำ เนื้อเยื่อจมูกเน่าตายรอบๆ ตัวแบตเตอรี่ เพราะปล่อยสารเคมีออกมากัดกร่อนเนื้อเยื่อ
แพทย์จึงต้องผ่าตัดเอาเนื้อเน่าออกจนหมด โชคยังดีที่ไม่ทะลุไปถึงโพรงอากาศข้างจมูก จนทำให้ไซนัสอักเสบติดเชื้อตามมาได้
หลังผ่าตัดให้ยาฆ่าเชื้อเข้าทางเส้นเลือดอีก 5 วันจึงเปลี่ยนเป็นยากินต่อไปได้ จนหายเป็นปกติ ถ้าหลุดลงไปในหลอดลม ในคอหรือหลอดอาหาร ยิ่งเสี่ยงต่อชีวิตและอันตรายมากๆ คาดว่าน่าจะติดค้างมาไม่น้อยกว่า 7 วัน
ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครอง ศูนย์เด็กเล็ก ที่ดูแลเด็กวัยนี้ ให้ระมัดระวังให้มาก สิ่งของชิ้นเล็กๆ เด็กอาจจะเอาเข้าปาก จมูก ได้โดยง่าย