จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงความยาวเกือบ 2 นาที โดยหนึ่งในนั้นมีเสียงคล้าย ส.ส.คนดัง หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง กำลังพูดคุยกับบริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งกำลังเจรจาเรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท ในโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแลกกับการเคลียร์สื่อมวลชนและคนใหญ่คนโตในหลายวงการ เพื่อให้ยุตินำเสนอข่าวด้านลบของบริษัทนั้น
ล่าสุด วันนี้ (30 ส.ค.2563) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว หากพิสูจน์แล้วเป็นจริง ย่อมถือได้ว่า เป็นความเลวร้ายที่สุด เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.149 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 40,000 บาท หรือประหารชีวิต"
นอกจากนั้น ยังถือได้ว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติใน ม.129 ประกอบ ม.128 ของ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เพราะถือว่าเป็นการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมด้วย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องรีบพิสูจน์และดำเนินการไต่สวนและชี้มูลว่ามีความผิดจริงหรือไม่
อย่างไร หากเป็นไปตามคลิปที่ปรากฏก็จักได้ส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือศาลนักการเมืองพิพากษาลงโทษ ให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส.และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101 ประกอบ ม.98 ต่อไป โดยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะเดินทางไปยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานคลิปเสียงต่อ ป.ป.ช.ในวันที่ 31 ส.ค.63 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี
"เต้" โต้เรียกเงินแค่แทรกซึมหาข้อมูล อ้างถูกดิสเครดิต
ด้าน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้วมองว่า ที่ผ่านมาก็เดินหน้าตรวจสอบโครงการรัฐหลายโครงการ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนออกมาดิสเครดิต เพื่อสกัดไม่ให้เรื่องไปถึงกระบวนการยุติธรรม และโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้เดินหน้าตรวจสอบ พร้อมยอมรับว่า ทุกโครงการที่ตรวจสอบจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาขอเคลียร์ตลอด ผ่านบริษัทบ้าง ผ่านคนรู้จักบ้าง
ทั้งนี้ รู้สึกเฉยๆ กับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เสียผลประโยชน์ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ แน่นอน และโครงการดังกล่าวก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อย ป.ป.ช.ใกล้จะชี้มูลแล้ว
เรื่องนี้เราลงไปตรวจสอบจริงตั้งแต่ 4 ปีที่ผ่านมา ตรวจสอบจนสุดทางจนเลขาฯ สพฐ.ในขณะนั้นถูกย้ายพร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยด้วย อย่างไรก็ตาม คดีนี้หาก ป.ป.ช.ชี้มูลทุกอย่างก็จะรู้ความจริง และหากมีเรื่องที่ทำให้ต้องเสียหาย ก็ขอฟ้องดำเนินคดีกลับ