เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือประมงพื้นบ้านกว่า 10 ลำ ชาวประมงประมาณ 100 คน เข้าล้อมเรือตรวจการณ์ ตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ขณะกำลังลากจูงเรือประมงที่ทำประมงผิดกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอไชยา เข้าตรวจจับในพื้นที่อ่าวบ้านดอน เขต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังลากจูงนั้นชาวประมงได้กดดันให้ปล่อยเรือประมงที่ถูกจับกุมและขอใช้สิทธิใช้เครื่องมือคราดหอยเพื่อทำการประมง โดยกลุ่มชาวประมงได้ขับเรือมาประชิดเรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำที่กำลังลากจูงเรือมีขนาด 9-10 ตันกรอส โดยเป็นเรือที่ทำประมงชายฝั่งโดยใช้เครื่องมือพานิชย์ที่ผิดกฎหมายประมงที่บริเวณปากร่องแม่น้ำตาปีพื้นที่ ต.คลองฉนาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และมีทีท่าจะบานปลาย
ขณะที่เรือตรวจการณ์ของทหารเรือจำนวน 3-4 ลำ ทำได้เพียงลาดตระเวนรอบที่เกิดเหตุเท่านั้น จากนั้นชาวประมงใช้เรือหางยาวเกือบ 30 ลำทยอยกันมาบริเวณปากร่องน้ำอ่าวบ้านดอนกดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยเรือให้ได้ โดยมีนายอนุชา บินมูซา หรือ บังหมัดบินมูซาฟาร์ม พ่อค้าลูกหอยแครงที่เป็นข่าวกรณีล้อมรถตำรวจที่เป็นชนวนเหตุให้เกิดการบูรณาการแก้ไขปัญหาอ่าวบ้านดอนเป็นแกนนำกำลังเจรจากับนายเกียรติศักดิ์ เกษมพันธ์กุล ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี
หลังการปิดล้อมเรือตรวจการณ์ ประมาณ 5 ชั่วโมง ระหว่างพักการเจรจามีชาวบ้านตะโกน ให้ชาวบ้านนำเรือไปปิดปากอ่าวบ้านดอน ทำให้กลุ่มเรือประมงพื้นบ้านเกือบ 20 ลำ ต่างแตกฮือเร่งเครื่องออกเรือ ไปคนละทิศละทาง รวมทั้งเรือลำที่ถูกจับตอนต้นด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบมีการปิดอ่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุจะรวบรวมหลักฐานเพื่อหารือในการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ในข้อหาร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ และนำพาไปซึ่งของกลางทางคดี ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ นอกเหนือจากข้อหากระทำผิดการประมงและใช้เครื่องมือประมงโดยผิดกฎหมาย โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมชาวประมงเริ่มที่จะใช้วาจากระทบกระทั่งกันหวิดจะมีการปะทะหลายครั้งโดยทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะอธิบายด้วยเหตุผลให้มากที่สุด