วันนี้ (16 ก.ย.2563) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส ส.ส.เพื่อไทย เสนอคำแปรญัตติในมาตรา 4 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยเสนอปรับลดงบประมาณ ร้อยละ 8 หรือ 2.6 แสนล้านบาท โดยเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้า จากที่ประมาณการไว้ 2.67 ล้านล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์จีดีพีปี 2564 จะเติบโตร้อยละ 5 แต่คาดการณ์จีดีพีปี 2563 ติดลบร้อยละ 8 และสิ่งที่เกิดขึ้นไตรมาส 2 ติดลบร้อยละ 12.2 รัฐบาลไม่มีโอกาสที่จะจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้า
ขณะที่การพิจารณางบฯ ฉบับนี้ของกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ตอบโจทย์ภาวะวิกฤตหลัง COVID-19 ไม่ตอบสนองประเทศ ซึ่งสะท้อนว่า กมธ.ฯ เสียงข้างมาก ไม่สนใจเม็ดเงินที่จะนำไปแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ นอกจากนี้ภาพรวมการจัดงบประมาณยังสะท้อนความไม่จริงใจของรัฐบาล อีกทั้งเม็ดเงินที่จะใช้ดูแลประชาชนไม่ตอบโจทย์ จึงเป็นเหตุผลที่สมควรปรับลดงบฯ และเห็นว่าไม่ควรผ่านงบประมาณให้กับรัฐบาลชุดนี้
"สุทิน" เชื่ออนาคตรัฐบาลกู้หนี้เพิ่ม
ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย แปรญัตติมาตรา 4 ระบุว่า เหตุผลที่ขอลดงบฯ ตามมาตรา 4 เนื่องจากการพิจารณาวาระ 1 มีการประมาณการรายรับ 2.64 -2.7 ล้านล้านบาท เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ จึงปรับลดในชั้น กมธ.ฯ แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นการปรับลดที่สอดคล้อง อีกทั้งยังไม่เห็นการตอบสนองในชั้น กมธ.ฯ ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ รัฐบาลต้องกู้เงินเป็นจำนวนมากในอีกไม่ช้า และไม่เกินปีหน้ารัฐบาลจะต้องมาขอแก้กฎหมายขยายเพดานเงินกู้
ทั้งนี้ นายสุทิน ยกตัวอย่างโครงการสร้างถนนทางหลวงตะวันออกไปตะวันตก จากบ้านบางเตย ไปบ้านพร้าว งบฯ 4 ปีกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ตั้งงบฯ ไว้กว่า 900 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีความพร้อม แต่กลับเสนอของบฯ ดังนั้นจึงควรตัดงบฯ หรือเกลี่ยงบฯ ไปใช้ในส่วนที่จำเป็น เช่น เพิ่มบัตรทอง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน หรือนำไปเพิ่มให้ผู้สูงวัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงไหน ? ถูกตัดงบฯเยอะสุด - เพิ่มมากสุด
“จิรายุ” เตือนรัฐบาลใช้เงินเปลือง ขอสำนึกภาษีประชาชน
"รังสิมา" จี้เลิกอนุกมธ.งบฯ เจออาชีพนักการเมือง "ตบทรัพย์"
"เกียรติ" ห่วงหนี้สาธารณะทะลุ 60% เหตุเก็บรายได้ไม่ตรงเป้า