วันนี้ (22 ก.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบตรึงราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG ต่อออกไปอีก 3 เดือน โดยให้สิ้นสุดถึงวันที่ 31 ธ.ค.2563 เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
โดยราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 14.37 บาท ต่อกิโลกรัม หรือราคาขายปลีกอยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม โดยใช้เงินกองทุนในส่วนของ LPG มาบริหาร ซึ่งยังคงเป็นไปตามกรอบวงเงินที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 7,424 ล้านบาท
สั่งทบทวนลดค่าไฟฟ้าช่วยประชาชน
กบง.ยังมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปทบทวนความต้องการรายได้ของการไฟฟ้าทั้ง 3 การไฟฟ้า และทบทวนหลักเกณฑ์ทางการเงินเพื่อให้มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันการคิดผลตอบแทนจากการลงทุนของทั้ง 3 การไฟฟ้า อยู่ที่ร้อยละ 5-6 อาจไม่ตอบโจทย์การดำเนินงาน
และให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไปบริหารจัดการปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าของประชาชนต่ำลงจากปัจจุบัน โดยให้นำกลับมาเสนอ กบง.ในครั้งหน้า
นอกจากนี้ กบง.ยังเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ซึ่งจะทำให้การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ลดลง 0.051 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ผู้ค้าน้ำมันเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล บี10 ในการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และปรับชื่อเรียกน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี7 และดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้