กรณีชาวโซเชียลติดแฮชแท็ก#แบนศรีพันวา จากปมการวิจารณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และยังทำให้ชาวเน็ตขุดคุ้ยธุรกิจของตระกูลชาญอิสระอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต
วันนี้ (22 ก.ย.2563) นายวราวุธ ศิลปอา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ตอบไม่ได้ คงต้องไปถามโรงแรมศรีพันวาว่ามีโฉนดหรือไม่ ส่วนทส.จะลงไปตรวจสอบเชิงรุกหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีเหตุ ยังไม่มีใครร้องเข้ามา และตนไม่ใช่เครื่องมือของใคร หากศรีพันวาเขาอยู่เงียบๆ ก็ไม่มีอะไรขึ้นมา พอพูดขึ้นมาก็กลายเป็นประเด็น
ขอเรียนว่าเราไม่ใช่เครื่องมือของใคร ถ้าอยากให้มีการตรวจสอบก็ร้องเข้ามา เพราะที่ผ่านมาก็อยู่มาหลาย 10 ปีไม่มีปัญหาอะไร หากใครสงสัยก็ให้ร้องเข้ามา และยืนยันอีกครั้งว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องของเรา
ชี้เป็นเรื่องการเมือง-แต่พร้อมตรวจสอบถ้ามีคนร้อง
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า กรณีดังกล่าวทางกรมป่าไม้ ได้ขอให้หาข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ เพราะประเด็นดังกล่าวค่อนข้างอ่อนไหว เกิดกระแสจากเรื่องการเมือง และถูกนำเสนอบนโซเชียล ซึ่งแม้ว่าที่ตั้งจะอยู่บนที่ลาดชันเกิน 35 แต่การครอบครองพื้นที่ของเอกชนอาจครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ตอนนี้ยังไม่มีข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้กรมป่าไม้จะเคยสแกนการบุกรุกที่ดินผิดบนเกาะภูเก็ต แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกที่บนเขาจะผิดหมด เพราะหลักฐานการได้มาของที่ดิน และกระบวนการอาจจะได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย
นายอรรถพล ระบุว่า ขณะนี้กรมป่าไม้ จึงยังไม่ได้ตั้งประเด็นไปตรวจสอบแต่ก็พร้อม ถ้าผู้บังคับบัญชามอบหมายหรือมีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่งยอมรับว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ต้องระมัดระวัง
ประกันสังคมตอบลงทุนหุ้น "ศรีพันวา"
นอกจากนี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน กล่าวว่าถึงกรณีโซเชียลขุดประเด็นที่นำเงินกองทุนประกันสังคม นำเงินไปลงทุนหุ้นศรีพันวา โดยระบุว่าจากการสอบถามปลัดกระทรวงแรงงาน และตามอำนาจของ รมว.แรงงาน ไม่ว่าจะยุคตัวเองหรือ อดีตรมว.คนอื่นๆ ไม่ได้มีสิทธิเข้าไปรับรู้การบริหารเงินกองทุน เพราะเป็นระเบียบกฎหมาย และปลัดเองก็ไม่รู้ว่าไปลงทุนอะไร เป็นแค่อนุมัติกรอบว่าจะลงทุนในความเสี่ยงได้กี่เปอร์เซ็นต์
เลขาประกันสังคมรายงานว่าพบว่ามีการลงทุนกรณีโรงแรมที่เป็นข่าวตั้งแต่ปี 2556 และบอร์ดประกันสังคมตั้งในปี 2558 หมายความว่าการลงทุนเกิดมาก่อนที่จะมีบอร์ดประกันสังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแบนศรีพันวา จะกระทบกับเงินประกันสังคมที่ลงทุนไปหรือไม่นายสุชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการลงทุนไปประมาณ 500 ล้านบาท และได้เงินคืนกลับมาประมาณ 200 ล้านบาทแล้ว ส่วนหนึ่งธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และทั้งในไทยและทั่วโลกได้รับผลกระทบ
โรงแรมที่ถูกแบนมาจากการแสดงความเห็นทางการเมืองส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการลงทุน ส่วนจะทบทวนหรือไม่ ยังไม่ได้พิจารณา แต่เชื่อว่าคนทุกคนมีสิทธิในการวิจารณ์ เป็นสิทธิเสรีภาพ และตอนนี้ประกันสังคมลงทุนไป 500 ล้านบาทจากกองทุนที่มีกว่า 2.2 หมื่นล้าน
นายสุชาติ ระบุอีกว่าส่วนตัวชื่นชมผู้บริหารที่ตกเป็นข่าว พูดในสิ่งที่คิดเทียบกับตัวเองและสื่อมวลชนถ้ามีใครมาตำหนิพ่อแม่ก็คงโกรธได้
ชาวเน็ตห่วงลงทุนขาดทุนกระทบประกันสังคม
ก่อนหน้านี้เพจเฟซบุ๊ก มิตรสหายท่านหนึ่ง ได้มีการโพสต์ข้อความว่า โดยสรุปว่าประกันสังคมจะมีการเก็บเงินจากผู้ประกันตน นำไปลงทุนตามหุ้นและอื่นๆ เพื่อนำผลกำไรกลับมา และจ่ายคืนผู้ประกันตน แม้การที่ประกันสังคม จะเอาเงินไปลงทุนในธุรกิจใดนั้น ไม่มีกฎหมายห้าม แต่คำถามคือ อะไรคือปัจจัยในการตัดสินใจที่จะลงทุน ? ใครเป็นคนตัดสินใจ ? ผลประกอบการเป็นอย่างไร ?
ทั้งนี้ หากเป็นการลงทุนปกติของประกันสังคม ควรต้องลงทุนในกิจการที่มั่นคง ความเสี่ยงต่ำ ทำกำไร และคนที่ลงทุนคือ กรรมการบริหารหรือบอร์ดประกันสังคม ซึ่งมีข้อสังเกตคือ ศรีพันวาแม้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่เป็นกิจการความเสี่ยงสูง โดยนโยบายการลงทุนในกิจการความเสี่ยงสูงของประกันสังคมนั้นคือ ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท
และหากย้อนกลับไปปี 2558 จะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ม.44 ปลดบอร์ดประกันสังคม และตั้งคนของตัวเองเข้าไปเป็นบอร์ดประกันสังคมแทน จากนั้นศรีพันวาก็มาขายหุ้นเป็นทรัสต์ ซึ่งกองทรัสต์ของศรีพันวา มีมูลค่าการลงทุน 3 พันกว่าล้านบาท มีกำไรสุทธิแค่ 6.9 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการของศรีพันวาก็ขาดทุน 150 กว่าล้าน
คำถามคือ อะไรดึงดูดให้กองทุนประกันสังคม ไปลงทุนในกิจการที่มีผลประกอบการลักษณะนี้ และผลตอบแทนการลงทุนจะเป็นอย่างไร หรือจริง ๆ แล้ว มันคือการเอาเงินลงทุนราคาถูกของแรงงานลูกจ้างกว่า 10 ล้านคน ไปให้กลุ่มทุนพวกพ้องเดียวกัน ไปใช้ในกิจการ
เงินกองทุนไปติดหุ้น ติดดอย อยู่อีกเท่าไหร่ เวลาผู้ส่งเงินสมทบเดือดร้อนจากวิกฤติ กองทุนประกันสังคมได้นำเงินผลตอบแทนการลงทุนมาช่วยเหลือผู้ส่งเงินสมทบขนาดไหน และบอร์ดที่ใช้ ม.44 ปลดและตั้งมา ถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนแปลงหรือยัง