วานนี้ (7 ต.ค.2563) จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง จ.เชียงราย พลิกคว่ำในคูน้ำ ด้านหน้ารถพังยับเยิน จากการชนเข้ากับเสาไฟแสงสว่างรายทาง บริเวณถนนสายพิจิตร-หนองหัวปลวก หลักกิโลเมตรที่ 8 หมู่ที่ 4 ต.ไผ่รอบอ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร มีครอบครัวได้รับบาดเตจ็บ 3 คน
ปรากฎว่าเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดหเตุ บริเวณห่างไปจากตัวรถ พบกระสอบปุ๋ย สีขาวขนาดใหญ่ 2 ถุง โดยในถุงบรรจุยาบ้ารวมประมาณ 400,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน ส่วนผู้ขับขี่และผู้โดยสารเบื้องต้นทราบชื่อผู้ขับขี่คือ จ่าสิบโท นาวิน ปานดำ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 เป็นผู้ขับขี่มาพร้อมกับภรรยาและบุตรชาย ได้รับบาดเจ็บ
ภาพ: สถานีโทรทัศน์สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
หลังนำตัวเข้ารักษาอาการบาดเจ็บ ตำรวจได้นำตัวจ่าสิบโทนาวิน ไปชี้จุดที่เกิดเหตุ โดยยังสวมใส่ชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล พร้อมให้การว่า เช่ารถคันดังกล่าวมาจากจังหวัดเชียงราย โดยเดินทางช่วงของคืนวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อไปรับยาบ้ามาจากอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วขับขึ้นมาโดยจะทิ้งยาบ้าตามจุดที่นัดหมายในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเกิดอาการเพลีย จึงเปลี่ยนให้ภรรยาขับ โดยมาถึงที่เกิดเหตุเกิดมีสุนัขตัดหน้า จึงเสียหลักตกข้างทางตกถนน จนเป็นเหตุพบกับยาเสพติดที่ตนเองพยายามขนจากรถยนต์มาไว้บริเวณป่า ที่เกิดเหตุโดยรับจ้างขนเพื่อนำเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคระบบขับถ่ายทางร่างกาย ซึ่งพยายามกู้เงินจากแหล่งอื่นไม่เป็นผล จึงต้องมารับจ้างขนส่งยาเสพติด
สอบวินัยร้ายแรง-ปลดจากราชการ
พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้เดินทางลงมาจุดเกิดเหตุพร้อมทำการสอบสวนผู้ต้องหาที่ทำการขนยาเสพติดแล้วเกิดประสบอุบัติเหตุ โดยสั่งให้ดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลของขบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับทางจ.พิจิตร และจะได้ขยายผลการจับกุมต่อไป
ด้านพล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จ่าสิบโท นาวิน เป็นกำลังพลในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดส่วนบุคคล และหน่วยต้นสังกัดได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย ทั้งนี้กำลังพลดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่ในหน่วยทหารพื้นที่ตอนใน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดน
ขณะที่พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว สั่งการให้ หน่วยต้นสังกัดดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายและสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งความผิดดังกล่าว อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถปลดออกจากราชการได้ ทั้งนี้ เป็นไปตามพ.ร.บ.วินัยทหาร ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว เข้าข่ายผิดกฎหมายและผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง กองทัพบก จะดำเนินการตามข้อกฎหมายและระเบียบของทางราชการอย่างตรงไปตรงมา