วันนี้ (29 ต.ค. 2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ความคืบหน้า ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 90 เหลืองานตกแต่งภายในและติดตั้งระบบและรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) โดยคาดว่าจะทำการทดสอบระบบให้แล้วเสร็จในเดือน เม.ย.2565 จะทำให้ความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากเดิมรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคน เพิ่มเป็น 60 ล้านคน
ทอท.มีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้ 90 ล้านคน โดยจะมีการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ให้เราเสร็จได้ภายในกลางปี 2566
ส่วนการซ่อมบำรุงทางวิ่งหรือรันเวย์และทางขับหรือแท็กซี่เวย์ จากเดิมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเคยมีเที่ยวบินมากกว่า 1,000 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบันลดลงเหลือไม่ถึง 200 เที่ยวบินต่อวัน
ซึ่งทาง ทอท.จะเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการซ่อมบำรุง เพราะที่ผ่านมาถูกใช้งานอย่างหนัก ตลอดระยะเวลา 10 ปี และมีปัญหาความเสียหายของพื้นผิวในหลายๆ พื้นที่จากปัญหาระดับน้ำใต้ดินและการใช้งานอย่างหนักทำให้การซ่อมบำรุงผิวทางที่ผ่านมาทำได้ยากมาก เนื่องจากท่าอากาศยานเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
โดยในช่วงปีนี้ถึงกลางปี 2564 ซึ่งสถานการณ์ COVID-19 ยังส่งผลกระทบทำให้จำนวนเที่ยวบินไม่ถึงร้อยละ 30 ของขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินทั้งหมดและมีเที่ยวบินว่างอยู่จึงได้ประสานงานกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในการปิดผิวทางรันเวย์และแท็กซี่เวย์บางส่วนเพื่อซ่อมแซม
คาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินงานประมาณ 4,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำให้เสร็จ ก่อนหมดโควิดได้หรือจะแล้วเสร็จได้ในปี 2566
ส่วนศูนย์การคัดกรองผู้โดยสารหลังจากที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศโดยขณะนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน 2 กลุ่มที่เดินทางเข้ามาและอยู่ระหว่างการกักตัวตามมาตรการทางสาธารณสุข
รมว.คมนาคม กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียขณะนี้ก็มีการพัฒนาการตรวจคัดกรองผู้โดยสารได้ประมาณ 10,000 คนต่อวัน แต่สุวรรณภูมิยังรับได้เพียงวันละ 700 คนเท่านั้น
จึงได้สั่งการให้เร่งจัดให้มีพื้นที่และเครื่องมือในการตรวจคัดกรองผู้โดยสาร เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในการเดินทางเข้าประเทศในแต่ละระยะตามนโยบายรัฐบาล
ส่วนความจำเป็นในการขยายพื้นที่ให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในส่วนของส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ หรือ North Expansion ขณะนี้ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคม และอยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้ทบทวนมติให้ความเห็นชอบในการดำเนินการก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
หากดำเนินการได้ในต้นปี 2564 แล้วเสร็จได้ในปี 2567 ซึ่งจะทันต่อสถานการณ์ในการรองรับผู้โดยสารที่จะกลับเข้ามาสู่การเดินทางอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต