ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ขอ ศธ.ย้ายโรงเรียนให้ นร.ม.2 ที่ถูก 5 เพื่อนร่วมห้องละเมิดเพศ

อาชญากรรม
4 พ.ย. 63
10:33
3,617
Logo Thai PBS
ขอ ศธ.ย้ายโรงเรียนให้ นร.ม.2 ที่ถูก 5 เพื่อนร่วมห้องละเมิดเพศ
ปวีณา หงสกุล นำแม่นักเรียนหญิงชั้น ม.2 โรงเรียนมัธยมย่านสะพานพระปิ่นเกล้า เข้าแจ้งความ สน.บางยี่ขัน หลังลูกสาวถูกนักเรียนชายร่วมชั้น 5 คน รุมกระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศ ขณะที่โรงเรียนกลับไกล่เกลี่ย ให้ยอมความ และตัดเพียงคะแนนความประพฤติผู้ก่อเหตุ

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา ที่ สน.บางยี่ขัน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเด็กและสตรี นำนางมิ่ง และด.ญ.มา (ทั้งสองนามสมมุติ) อายุ 13 ปี ลูกสาวซึ่งเป็นนักเรียน ม.2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ เข้าพบ พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ สุขสำราญ รองผบก.น.7 รักษาราชการแทน ผกก.สน.บางยี่ขัน และ พ.ต.อ.ฤทธิชัย ช่างคำ ผกก.สอบสวน บก.น.7

เพื่อให้สองแม่ลูก แจ้งความกรณี ด.ญ.มุ่ย ถูกเพื่อนนักเรียนชาย 5 คน ที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันล่วงละเมิดทางเพศภายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน

นางมิ่ง เล่าเหตุการณ์เศร้าสลดว่า วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ด.ญ.มา นั่งเรียนวิชาคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องเรียน ได้มีนักเรียนชาย 5 คน ประกอบด้วย นายเอ อายุ 17 ปี หัวโจกของห้อง พร้อม ด.ช.บี ด.ช.ซี ด.ช.ดี และด.ช.อี อายุประมาณ 13-14 ปี (ทุกคนนามสมมุติ)

ทั้งหมดเข้ามาฉุดลาก ด.ญ.มา จากโต๊ะเรียนนำไปที่หลังห้องเรียน โดยช่วยกันจับแขนจับขาและปิดปากไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะพยายามล่วงละเมิดทางเพศด.ญ.มา โดยรอบแรก ด.ญ.มา พยายามดิ้นรนจนหลุดออกจากวงล้อมได้มานั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องเรียน

ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่ครูไม่อยู่ในห้องเรียน เด็กนักเรียนชายทั้ง 5 คน ก็กลับมาอุ้ม ด.ญ.มาไปที่หลังห้องเรียนเป็นครั้งที่ 2 และล่วงละเมิดตามร่างกาย ส่วนนักเรียนชายอีก 3 คน ปิดปาก จับขา

ด.ญ.มาได้ดิ้นรนขัดขืนจนหลุดมาได้อีกครั้ง แต่นักเรียนชายทั้ง 5 คน ก็ยังไม่เลิกราตามมาอุ้มฉุดกระชาก ด.ญ.มาไปที่หลังห้องเรียนเป็นครั้งที่ 3 และลากไปในห้องเก็บของที่อยู่ลึกเข้าไปอีก ด.ญ.มากรีดร้องสุดชีวิต ก่อนที่เพื่อนในห้องจะวิ่งมาเห็น ด.ญ.มา อยู่ในสภาพเปลือย แล้วนักเรียนชายทั้ง 5 คน ได้แยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ต่อมาด.ญ.มา กับเพื่อนสนิทพากันไปแจ้งเรื่องกับครูฝ่ายปกครองให้ทราบ ครูจึงเรียกนักเรียนชายทั้ง 5 คน มาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมเรียกผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายมารับทราบเรื่อง ซึ่งนักเรียนชายทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพ

นางมิ่ง กล่าวว่า นักเรียนชายทั้ง 5 คน กระทำการล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่เกรงกลัวครู และเพื่อนนักเรียนที่อยู่ในห้องร่วม 30 คน เห็นว่าด.ญ.มา ตัวเล็กที่สุดในห้องคงจะไม่มีเรี่ยวแรงและไม่กล้าขัดขืน

กระทั่งวันที่ 28 ต.ค.63 โรงเรียนได้นัดผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายไปเจรจากัน โรงเรียนได้เตรียมบันทึกข้อตกลงที่มีข้อความระบุว่า นักเรียนชายทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพ และฝ่ายนักเรียนชายพร้อมผู้ปกครอง 5 ครอบครัวจะนำพวงมาลัยดอกไม้มากราบขอขมาแม่ของด.ญ.มา แลกกับการไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา

ส่วนทางโรงเรียนจะทำการหักคะแนนความประพฤตินักเรียนชายทั้ง 5 คน คนละ 35 คะแนน พร้อมทำทัณฑ์บน หากมีการกระทำความผิดเพิ่มเติม โรงเรียนจะดำเนินการย้ายสถานศึกษา

โดยพี่สาวของด.ญ.มา ต้องจำยอมเซ็นชื่อรับทราบเรื่องดังกล่าวด้วย แม่เด็กนักเรียนเครียดและลูกมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ จึงตัดสินใจมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ นำเข้าแจ้งความ ขอความเป็นธรรม และจะได้ไม่เกิดเรื่องเลวร้ายกับนักเรียนหญิงคนอื่นอีก

นางปวีณากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมบ้านเราในปัจจุบัน ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง มิใช่ปกปิดปัญหาก็จะไม่จบ โดยทางโรงเรียน จะต้องรายงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ให้ลงมาช่วยแก้ไขปัญหามิให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

 

นอกจากนี้ นางปวีณาจะได้ประสานไปยังผู้แทนกระทรวงศึกษาศึกษาธิการ นายชนะ สุ่มมาตย์ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สพฐ. เพื่อให้ ด.ญ.มา และผู้ปกครองเข้าพบ รับทราบเรื่อง และตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาและป้องกันเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กในโรงเรียน มิให้เกิดขึ้นอีก

ส่วนการดำเนินคดี เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเป็นเด็กทั้งคู่ ก็จะต้องมีมาตรการตามกระบวนการยุติธรรมของเด็ก คือ สอบสหวิชาชีพ ทั้งสองฝ่าย เนื่องจากในบันทึกของโรงเรียนได้ระบุชัดเจนว่า เด็กนักเรียนชายทั้ง 5 คน ได้ล่วงละเมิดทางเพศ เด็กนักเรียนหญิงจริง โดยมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชายลงนามรับทราบ และครู ผู้อำนวยการเซ็นเป็นพยาน บันทึกฉบับนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญที่ตำรวจจะนำมาเป็นพยานหลักฐานด้วย

เด็กนักเรียนหญิงก็จะต้องเข้าบำบัดฟื้นฟูสภาพจิต และมูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกระทรวงศึกษาธิการขอให้ย้ายสถานที่เรียนใหม่ ส่วนเด็กนักเรียนชายก็จะต้องเข้ารับการอบรมฟื้นฟูสภาพจิตใจตามกระบวนการยุติธรรมเด็ก ให้เขากลับมาใช้ชีวิตเป็นเด็กดีของสังคมต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง