วันนี้ (10 พ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ที่ถูกทำร้ายร่างกายในชั้นเรียน จำนวน 26 ครอบครัว พร้อมทนายความ เข้าพบอัยการสูงสุด หลังจากได้ยื่นคำร้องขอให้อัยการช่วยเหลือทางคดีการฟ้องแพ่ง ซึ่งวันนี้ (10 พ.ย.) อัยการได้นัดไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้เสียหายและโรงเรียน
นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เปิดเผยว่า ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกายจะเรียกความเสียหายกับโรงเรียน คนละ 5 ล้านบาท ขณะนี้มีครอบครัวผู้เสียหายมาร่วมไกล่เกลี่ยแล้ว 26 ครอบครัว รวมเรียกค่าเสียหายประมาณ 130 ล้านบาท
ด้านนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง หนึ่งในผู้ปกครองของเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนได้คืนค่าเทอมให้กับครอบครัวแล้ว 1 เทอม แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อแสดงความรับผิดชอบในส่วนอื่นๆ เช่น การรักษาพยาบาล ขณะนี้มีเพียงหน่วยงานด้านสุขภาพจิตของเด็กที่เข้ามาช่วยดูแล ส่วนค่าเสียหายที่เรียกไปถือว่ามีความเหมาะสม แม้จะเทียบไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ล่าสุดลูกยังมีอาการหวาดผวา อารมณ์รุนแรง และบางครั้งก็ทำร้ายตัวเอง
ส่วนนายกฤตานน ปัญญาวรชาติ ผู้ปกครองอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนยังไม่ติดต่อเจรจาค่าเสียหาย จึงตัดสินใจฟ้องแพ่ง เพราะเห็นว่าลูกของตัวเองถูกกระทำและส่งผลกระทบต่อจิตใจ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีอาการหวาดผวา กลัวเสียงดัง หลบตาผู้คน ดังนั้นจึงเห็นว่าจำนวนเงินดังกล่าวเหมาะสมแล้ว
ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า วันนี้ได้เชิญให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกัน ก่อนถึงกระบวนการในชั้นศาล ซึ่งทางผู้ปกครองได้มาตามนัดหมาย แต่ทางโรงเรียนส่งหนังสือตอบกลับมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดว่า ไม่ขอเข้าร่วมกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยและยินดีจะเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาล
สำหรับคดีอาญา มีการยื่นฟ้องคดีทำร้ายร่างกาย และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน กับ น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือพี่เลี้ยงจุ๋ม ไปแล้ว 19 คดี ศาลพิพากษาไปแล้ว 7 คดี ลงโทษ 13 กระทง จำคุกกระทงละ 15 วัน รวมจำคุก 195 วัน และยังมีคดีอื่นที่ยื่นฟ้องครูและพี่เลี้ยงคนอื่นอีก ซึ่งบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ส่วนค่าเสียหายที่จะเรียกกับ น.ส.อรอุมา รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า สามารถเรียกได้ แต่ต้องเรียกในชั้นพิจารณาคดี ก่อนที่ศาลจะพิพากษา ซึ่งคดีลักษณะนี้ เชื่อว่าจำเลยจะให้การรับสารภาพ ทางอัยการจะแนะนำให้ผู้ปกครองเรียกร้องค่าเสียหายไปพร้อมกับคำฟ้องและให้ศาลพิจารณา
ส่วนทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็จะส่งหนังสือให้ทางโรงเรียนมาเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยอีกครั้ง และพร้อมเป็นคนกลางในการเจรจาค่าเสียหาย ซึ่งคาดว่าจะนัดหมายได้ประมาณปลายเดือน ธ.ค.เพราะต้องรอผลการรักษาของเด็กก่อน แต่หากโรงเรียนปฏิเสธจะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยอีก ทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็จะดำเนินการขั้นต่อไปตามที่ผู้ปกครองร้องขอ หรือการจัดหาทนายความอาสาให้คำปรึกษาในเรื่องต่อสู้คดี
ส่วนค่าเสียหายที่ผู้ปกครองเรียกร้องกับทางโรงเรียน คณะกรรมการฯ ไม่มีความเห็นว่าน้อยไปหรือสูงไป เพราะเป็นเพียงคนกลางในการเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย จำนวนเงินที่เรียกผู้เสียหายเป็นความประสงค์ของคู่ความ ส่วนระยะอายุความของคดีนี้สามารถฟ้องได้ภายใน 1 ปี
สำหรับการฟ้องคดีอาญากับครูที่ก่อเกตุทำร้ายร่างกายขณะนี้มี 22 คดีแล้ว และศาลได้พิพากษาคดีไปแล้วบางส่วน และอีกบางส่วนยังอยู่ในขั้นตอนการสืบพยาน และยังไม่ได้นัดฟังคำพิพากษา ส่วนการเรียกค่าเสียหายกับครูที่ก่อเหตุก็ได้เรียกร้องในท้ายคำฟ้องคดีอาญาไว้แล้ว ส่วนในคดีแพ่งนี้เป็นการฟ้องกับทางโรงเรียนในฐานะที่เป็นผู้ปกครองดูแลสถานที่ และพนักงาน ที่ไม่ควบคุมดูแลจนเป็นเหตุให้มีการทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียน
ด้านผู้ปกครองของเด็ก ระบุว่า วันนี้ไม่ได้มีการเจรจากับตัวแทนทางโรงเรียน แต่มีโอกาสได้คุยกับผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้ปกครองได้รับ ซึ่งมองว่าวันนี้โรงเรียนตั้งใจที่จะไม่มาเจรจา และส่งจดหมายมาเพื่อเป็นการบ่ายเบี่ยง เพราะอยากให้ข่าวเงียบที่สุดเนื่องโรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งทางผู้ปกครองเห็นว่าต้องการให้เอาคดีนี้เป็นตัวอย่างและเป็นการเรียกร้องไม่ให้เกิดเช่นนี้อีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้งข้อหา 16 ครูสารสาสน์ฯ ทำร้าย นร. พี่เลี้ยงจุ๋มหนักสุด 12 คดี
อสส.สั่งตั้งคณะทำงานช่วยผู้ปกครองฟ้องแพ่ง ร.ร.สารสาสน์ฯ
ศาลตัดสิน "พี่เลี้ยงจุ๋ม" จำคุก 2 เดือนไม่รอลงอาญา
ศาลให้ประกัน "พี่เลี้ยงจุ๋ม" ส่วนคดีแพ่งนัดสืบพยาน 23 ธ.ค.นี้