วันนี้ (17 พ.ย.2563) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) และการจัดซื้อวัคซีนกับบริษัท AstraZeneca (Thailand) จำกัด และบริษัท AstraZeneca UK จำกัด วงเงิน 6,049,723,117 บาท
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะจัดทำสัญญาการจัดหาวัคซีน โดยการจองล่วงหน้า (Advance Market Commitment; AMC) ภายใต้เงื่อนไขว่า มีโอกาสที่จะได้หรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าว ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนาหรือเหตุผลอื่น ๆ ในวงเงิน 2,379,430,600 บาท
และให้กรมควบคุมโรคจัดทำสัญญาในการจัดซื้อ และบริหารจัดการวัคซีนที่ได้จากการจองล่วงหน้านั้น เมื่อคู่สัญญาสามารถจัดหาวัคซีนได้สำเร็จ (Purchase Agree For Supply of AZD1222 in Thailand; PA)) ในวงเงิน 3,670,292,517 บาท โดยดำเนินการจัดทำสัญญาทั้ง 2 ฉบับ ในคราวเดียวกัน
โดยสัญญาจัดซื้อวัคซีนมีผลผูกพัน เมื่อได้รับงบประมาณเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค จะจัดทำคำของบประมาณสำหรับการจัดซื้อวัคซีนตามสัญญาดังกล่าวต่อไป
คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 2,379,430,600 บาท งบกลาง จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อจัดหาวัคซีน COVID-19 โดยการจองล่วงหน้า
ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อการดำเนินการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า (Advance Market Commitment; AMC) จากบริษัท AstraZeneca (Thailand) จำกัด และบริษัท AstraZeneca UK จำกัด ภายใต้เงื่อนไขว่า มีโอกาสที่จะได้รับวัคซีน หรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนาหรือเหตุอื่น ๆ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมอบให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข จองวัคซีนแบบล่วงหน้า (Advance Market Commitment : AMC) โดยจะเป็นการจัดหาวัคซีนร้อยละ 20 ของประชากร หรือ ประมาณ13 ล้านคน จำนวน 26 ล้านโด๊ส กับบริษัท AstraZeneca (Thailand) จำกัด และบรัท AstraZeneca UK จำกัด
ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลเห็นความจำเป็นในการจัดหาวัคซีน COVID-19 เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงวัคซีน COVID-19 ที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงเป็นธรรม ในเวลาที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆในโลก