ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 
ที่ศาลอาญาถนนรัชดาตั้งแต่ก่อนเวลา 09.00 น.คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เดินทางมาพร้อมนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชาย และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว โดยมีลูก ๆ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาให้กำลังใจและรอฟังคำพิพากษา โดยศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ในเวลา 09. 20 น.โดยไล่เลียงประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์แต่ละประเด็นและในเวลา 11.00 น.จึงมีคำพิพากษาออกมา
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์จากพยานหลักฐาน และ คำอุทธรณ์ ในเรื่องการมีส่วนรู้เห็นการเลี่ยงภาษี แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 คือคุณหญิงพจมาน และจำเลยที่ 3 คือนางกาญจนาภา ไม่มีส่วนรู้เห็นในการเลี่ยงชำระภาษี และ เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 คือนายบรรณพจน์ ในการชำระภาษี ส่วนประเด็นอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสามให้การเท็จหรือไม่นั้นศาลใช้ดุลยพินิจชั่งน้ำหนักแล้วเห็นว่า ไม่เป็นความผิดฐานให้ความเท็จอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น
ศาลจึงพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยที่1 คือนายบรรณพจน์ เป็นเวลา 2ปีจำเลยที่ 1 ไม่เคยต้องโทษจำคุก เป็นนักธุรกิจไม่ใช่นักการเมืองไม่มีชื่อเสียงไปในทางทุจริต และ ยังได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติด้วยการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิไทยคมเป็นประจำ แต่เพื่อให้หลาบจำ ศาลจึงให้โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1ปี และ ให้เพิ่มโทษปรับ เป็นเงิน 1 แสนบาท และ ให้จำเลยชำระภาษีตามกฏหมายระหว่างรอลงอาญา
ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 คือคุณหญิงพจมาน และ นางกาญจนาภาให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลี่ยงชำระภาษี และ ไม่ผิดฐานเบิกความเท็จซึ่งหลังคำพิพากษาทั้งหมดเดินทางออกจากศาลทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ให้จำคุกนายบรรณพจน์ และ คุณหญิงพจมาน คนละ 3 ปี และ ให้จำคุกนางกาญจนาภา เป็นเวลา 2 ปี โดยอ้างหลักฐานในขณะนั้น ซึ่งจำเลยทั้งสาม ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดีคนละ 5 ล้านบาท