วันนี้ (6 ม.ค.2564) นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 เเละการจัดหาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในอนาคตว่า มีความรู้สึกหงุดหงิดมากกับการจัดการการระบาดของ COVID-19 โดยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งสิ่งที่ได้ทำมาตลอดได้สรุปให้เห็นหลักคิดหลักการทำงานชัดเจนว่าไม่เคยให้ค่าประชาชนและไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเองและพวกพ้องในเรื่องของกระบวนการที่สับสนอลหม่านนี้
ทั้งนี้ จากที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่ารัฐบาลมีความล่าช้าเรื่องวัคซีนกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งอยู่ดีๆ ก็มีการเสนอข่าวว่าในเดือน ก.พ. ประเทศไทยจะมีวัคซีนนำเข้าจากจีนของบริษัท Sinovac ซึ่งเหมือนเป็นข่าวดี แต่เมื่อช่วงเดือน พ.ย. คณะกรรมาธิการสาธารณสุขได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเรื่องความคืบหน้าของการได้วัคซีนมาฉีดให้ประชาชน
สืบค้นไม่พบผลทดลองวัคซีนจีน เฟส 3
อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นตลอดการชี้แจงไม่มีการพูดถึงการจะซื้อวัคซีนจากจีน และเมื่อพยายามหาข้อมูลทางวิชาการของวัคซีนตัวนี้ พบว่าเจอแค่ผลการทดลองในเฟส 1 และเฟส 2 แต่ยังไม่มีผลการทดลองในเฟส 3 ซึ่งเป็นการทดลองในประชากรกลุ่มใหญ่ออกมาในฐานข้อมูลของวารสารทางการแพทย์ มีแต่การนำเสนอวิธีการศึกษาที่ไม่มีผลการศึกษาเท่านั้น ซึ่งการนำวัคซีนที่ยังไม่มีผลการวิจัยเข้าจะต้องไปดูขั้นตอนการอนุมัติขององค์การอาหารเเละยา (อย.) ว่ามีการอนุมัติอย่างไร ซึ่งมองว่าวัคซีนตัวนี้อาจมาจากบริษัททุนใหญ่บางบริษัทก็ได้
นพ.เอกภพ กล่าวอีกว่า ตามการเสนอข่าววัคซีนของหลายสำนักข่าว พบว่าประเทศไทยจะได้รับวัคซีนมาฉีดทีละชุดๆ ในเวลาห่างกันพอสมควร และจำนวนประชากรที่จะได้รับวัคซีนมีรวมแล้วประมาณร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ ทั้งที่ตามหลักการแล้ว หากจะหยุดการระบาดของ COVID-19 ได้ ต้องให้ประชากรมีภูมิต้านทานประมาณถึงร้อยละ 80 ของประชากร
ดังนั้น การได้วัคซีนมาเพียงร้อยละ 20 อาจไม่เพียงพอต่อการหยุดการระบาดได้ โดยข้อมูลในปัจจุบัน ยังไม่รู้ว่าหลังฉีดวัคซีนไปแล้วร่างกายจะคงมีภูมิต้านทานต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่และวัคซีนของแต่ละยี่ห้อให้ระยะเวลาคุ้มกันได้นานต่างกันหรือไม่
แนะจัดหาวัคซีนเพื่อทุกคน - ฉีดพร้อมกัน
ทั้งนี้ ทางที่ดีที่สุดของการจัดหาวัคซีนมาก็ควรจะจัดหาวัคซีนเพื่อทุกคน และกระจายไปหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายเทคโนโลยี รวมทั้งควรมีการระดมฉีดในคราวเดียวกันทั่วประเทศ และต้องมาดูว่าหากไม่สามารถจัดหาวัคซีนมาฉีดพร้อมๆ กันได้จะฉีดให้กลุ่มไหนก่อน ซึ่งมองว่ากลุ่มเสี่ยงที่สุดคือบุคลากรสาธารณสุขควรเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการป้องกัน เพื่อให้ยังคงทำงานต่อได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจะเลือกกลุ่มไหนในสัดส่วนอย่างไรระหว่างกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยหนัก หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อคือคนวัยทำงาน
ดังนั้นนอกจากการที่ต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอสำหรับทุกคนแล้ว รัฐบาลยังต้องวางแผนการฉีดวัคซีนที่ใช้หลักการทางวิชาการมาสนับสนุนด้วย
นพ.เอกภพ กล่าวว่า หากรอให้ประเทศอื่นฉีดวัคซีนให้ประชากร จนเขาจัดการการระบาดได้แล้ว ประเทศเหล่านั้นจะเริ่มเดินทางไปมาหาสู่กันได้ เพราะประเทศเขาถือว่าสิ้นสุดการระบาดแล้ว ประเทศไทยที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรจนประกาศสิ้นสุดการระบาดได้ช้าก็จะเสียโอกาสในการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่อัดอั้นมานานได้ช้าด้วย โอกาสฟื้นเศรษฐกิจจากเงินต่างประเทศของเราก็ช้าไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอจุฬาฯ เตือน "อ้วน" เพิ่มเสี่ยง COVID-19 รุนแรงขึ้น
"ไทยยูเนี่ยน" เร่งตรวจ COVID-19 พบพนักงานติดเชื้อ 69 คน
สำรวจร้านอาหารย่านวิภาวดีรังสิต หลังห้ามนั่งกินเกิน 3 ทุ่ม