วันนี้ (11 ม.ค.2564) นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยในงานเสวนาผ่านโปรแกรมซูมในหัวข้อ “รับมือโควิดอย่างไร ไม่ให้ประเทศพัง” ว่า ภาครัฐต้องเรียนรู้จากการระบาดครั้งแรก โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ที่ต้องมีมาตรการเยียวยาออกมาพร้อมกันทันที
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงมาตรการทางการคลังรับมือ COVID-19 ว่า รัฐบาลต้องเยียวยาให้มากกว่า 15,000 บาท หรือนำนโยบายที่เคยดำเนินการในช่วงระบาดครั้งแรกกลับมาอีกครั้ง เช่น น้ำฟรี ไฟฟรี รถเมล์ฟรี ยังชี้ถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขที่ระบบศุลกากรที่เคยมีต่างประเทศท้วงติงมา
พร้อมแนะนำให้ปรับปรุงระบบภาษีให้ลดความเหลื่อมล้ำ และจัดระเบียบงบประมาณแบบใหม่ลดงบประมาณของทหารและความมั่นคงลง เพื่อนำไปดำเนินการอย่างอื่นที่จำเป็น และต้องการเห็นภาครัฐดำเนินจัดการ "เวิร์กฟอร์มโอม-เลิร์นฟอร์มโฮม-บายฟอร์มโฮม"
แนะตั้งกองทุนอุ้มธุรกิจจากผลกระทบ COVID-19
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณ มาตรการทางการเงินรับมือ COVID-19 และซอฟต์โลนที่ควรพึงใช้มาตรการในยามที่ไม่เป็นปกติ คือตั้งกองทุนเพื่อดูแลภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความหายยะผ่านพ้นไปได้ ทั้งปัญหาประชาชนตกงาน ภาคธุรกิจที่ล้ม การจ้างงานที่หยุดชะงัก
ทั้งนี้ ย้ำว่าไม่ได้ต้องการให้เกิดความอ่อนแอตามมาตรการทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่ามาตรการนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อระบบการเงินในประเทศ และยังชี้ว่าซอฟต์โลนไม่สามารถผลักดันเศรษฐกิจได้ ด้วยเงื่อนไขที่สูง โดยรัฐต้องผ่อนปรน
"ล็อกดาวน์" ทำว่างงานเพิ่ม 2 เท่า สูงสุดรอบ 11 ปี
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการเยียวยาแรงงานในและนอกระบบว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากการล็อกดาวน์ สูงสุดในรอบ 11 ปี โดยท้วงติงว่ามาตรการด้านแรงงานยังแก้ไม่ตรงจุด เปรียบเหมือนทำให้คนตายแล้วมาช่วยค่าทำศพ พรรคเพื่อไทยจึงเสนอมาตราการโครงการจ้างงานที่เป็นมาตรการใช้ทั่วโลก แต่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย
โดยแรงงานในระบบ การดำเนินการภาครัฐจ่ายเงินไปยังนายจ้าง เพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงิน และลูกจ้างไม่ตกงาน โดยจ่ายแบบขั้นบันได้ร้อย 50-60 โดยมีข้อตกลงว่าผู้ประกอบการต้องรักษาการจ้างงานร้อยละ 90 ส่วนแรงงานนอกระบบ เสนอให้จ่ายเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยจ่าย 6,000 บาทในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถจ้างงานเพิ่มในช่วงวิกฤตได้ และให้ภาครัฐสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ เพื่อนายจ้างและลูกจ้างเจอกันผ่านระบบเอไอ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธุรกิจท่องเที่ยวเสนอรัฐพักหนี้ระยะยาว-ลดค่าไฟ 1 ปี
นนทบุรีเปิดอีก 4 ไทม์ไลน์ พบเด็ก 4 ขวบติด COVID-19 จากพ่อแม่
"อนุทิน" กักตัวครบ 14 วัน นั่งหัวโต๊ะถกกลุ่มผิด กม.จ่ายค่ารักษาเอง