วันนี้ (18 ม.ค.64) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยมีการติดเชื้อ COVID-19 สะสมจำนวนมาก โดยประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,029 คน ติดเชื้อสะสม 155,095 คนและเมียนมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 491 คน ติดเชื้อสะสม 133,569 คน
ดังนั้น ประเทศไทยจึงยังต้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรค COVID-19 ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงและปกครอง ดำเนินการเฝ้าระวังการลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด รวมถึงดำเนินการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัยแรงงานส่วนใหญ่มักติดเชื้อไม่มีอาการจึงต้องค้นหาเชิงรุกเมื่อพบการติดเชื้อจะแยกกักและดูแลรักษา เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อในชุมชน จึงทำให้ จ.ตรัง และ จ.พัทลุง พบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อและนำเข้าสู่ระบบ พร้อมกับสอบสวนโรคถึงที่มาของการติดเชื้อต่อไป
ทั้งนี้ ตำรวจภูธรสะเดา จ.สงขลา ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 จับกุมแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมา 8 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ลักลอบเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย บริเวณชายแดนบ้านด่านนอกเมื่อ 2 วันก่อน หลังทางการมาเลเซียประกาศขยายภาวะฉุกเฉิน จนถึงวันที่ 1 ส.ค.ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก จึงตัดสินใจหนีเข้ามาฝั่งไทย โดยจ่ายค่าเดินทางให้กับนายหน้าคนไทยคนละ 3,300 ริงกิต หรือราว 27,000 บาท พาข้ามแดน ก่อนจะนำมาพักไว้ในกุโบร์ หรือ สุสานมุสลิม บริเวณป่าสวนยาง บ้านเคียนเภา เพื่อรอเดินทางกลับไปยังประเทศเมียนม ทาง จ.ระนอง แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่า แรงงานทั้งหมด น่าจะถูกลอยแพปล่อยทิ้งในป่าในสภาพเริ่มอ่อนแรงอดอาหาร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรอง COVID-19 พบ 2 คนที่ไข้ ไอ เจ็บคอ ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสะเดา ส่วนที่เหลือถูกควบคุมไว้ที่ สภ.สะเดา และจะเร่งขยายผลไปยังนายหน้าที่พาแรงงานกลุ่มนี้เข้ามา
ด้านกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยในพื้นที่จังหวัดชายแดน ให้เพิ่มความเข้มข้นในการจัดให้มีการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด