สำหรับพิธีทางศาสนาคริสต์จะมี พล.ต.ปราโมทย์ รัตโนภาส เป็นประธานในพิธี ซึ่งในอดีต พล.ต.ปราโมทย์ เป็นทหารคนหนึ่งที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วหลายแห่งโดยเฉพาะสมรภูมิในประเทศลาว
เพื่อนคนหนึ่งของท่านเล่าว่า เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นร้อยตรีของกองทัพบกไทยมี Code Name ว่า “สิงห์ชัย” ครั้งหนึ่งได้ประจำอยู่กับกองพัน BC-610 (Battalion Commando) รักษาที่มั่น “ซำทอง” สถานการณ์โดยรวมหนักมาก
กองร้อยของสิงห์ชัยประจำป้องกันที่มั่นห่างจากด้านหนึ่งของสนามบินซำทอง ไปพอสมควร ที่มั่นของกองร้อยมีสนามสำหรับเฮลิคอปเตอร์ของกองร้อยเอง ชัยภูมิของสนามเฮลิคอปเตอร์เป็นที่อับ ปลอดกระสุน คือกระสุนหนักของฝ่ายตรงข้ามมักจะข้ามหัวไป ไม่ตกลงจุด ทำให้เหมาะกับการทำ Medivac (ส่งคนเจ็บคนตายขึ้นเฮลิคอปเตอร์)
FAG (FORWARD AIR GUIDE) ประจำกองพันจึงมาประจำอยู่กับกองร้อยของสิงห์ชัย เพื่อประสานงานกับเฮลิคอปเตอร์ในการทำ Medivac เพราะมีบาดเจ็บจากการสู้รบค่อนข้างมาก จากการสู้รบที่ดุเดือด ปกติแล้ว FAG จะอยู่กับผู้บังคับกองพัน เพื่อประสานการสนับสนุนกำลังทางอากาศให้กองพันโดยรวม
การสู้รบหนักหน่วงมาก ถูกระดมยิงด้วยอาวุธหนักตลอดเวลา ปรส. (ปืนไร้แรงสะท้อน) และปืนครกเป็นหลักเลยที่ระดมถล่มเข้ามา วันที่ตัดสินใจสั่งให้กองร้อยถอนตัว ก็เพราะ ไม่เครื่องบินมาส่งเสบียง และไม่มีการมารับคนบาดเจ็บหลายวันแล้ว ติดต่อกองพันก็ไม่ได้ FAG ก็ติดต่อใครไม่ได้เลย
จากตำแหน่งของกองร้อย ยังพอมองเห็นสนามบินซำทอง ได้ในระยะไกล สิ่งที่มองเห็นในวันนั้นก็คือทั้งรถถัง และทหารจำนวนมากวุ่นวายไปหมด บนทางวิ่งของสนามบิน ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน จึงมั่นใจว่า ฐานแตกไปแล้ว กองร้อยของตนถูกตัดขาด
ปกติกำลังพลของกองร้อย ที่มีอยู่ประมาณ 60 กว่านาย แต่มีคนบาดเจ็บมารอการ Medivac อยู่ประมาณ 40 นาย จึงไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยตัวเองได้เต็มที่ ต้องพยายามรักษาร้อยกว่าชีวิต ในความรับผิดชอบให้รอดปลอดภัย
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ก็ออกเดินทาง หอบหิ้วหามกันบ้างประคองกันบ้าง ทั้งหมดร้อยกว่าชีวิต มุ่งหน้าไปยังทิศทางเข้าหาแม่น้ำงึม ตกค่ำก็ตั้งค่ายพักนอนกลางทาง รุ่งเช้าเดินทางต่อ ประมาณเที่ยงกองร้อยก็มาถึงลำน้ำงึม วิทยุทั้งของกองร้อยและของ FAG ก็ยังติดต่อใครไม่ได้
เหตุผลที่ไม่มุ่งไปฐานสนามบินโล่งแจ้งซึ่งเป็นที่มั่นใหญ่ของฝ่ายเดียวกัน เพราะเชื่อว่าการมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น รังแต่จะเสี่ยงต่อการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามที่จะดักรอระหว่างทาง
สิงห์ชัยไม่ต้องการเสี่ยงมะงุมมะงาหรา เพราะเกรงว่าจะไปเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม เพราะมีคนบาดเจ็บจำนวนมาก อาจจะถึงเสียชีวิตทั้งกองร้อย เขามั่นใจว่าหน่วยเหนือต้องพยายามค้นหาและติดต่อ ประกอบกับโชคดีที่มี FAG ประจำกองพันมาอยู่ด้วย การสนับสนุนทางอากาศก็ง่ายขึ้นเยอะถ้าวิทยุติดต่อได้ อาหารหลักของทั้งกองร้อยก็คือหยวกกล้วย
พักอยู่ที่ลำน้ำงึมสองคืน ระหว่างนั้นสิงห์ชัยสั่งให้ทหารต่อแพเตรียมไว้ แผนของสิงห์ชัยก็คือ ถ้าถึงที่สุดติดต่อหน่วยเหนือไม่ได้ ก็จะล่องแพตามลำน้ำงึม ลงสู่แม่น้ำโขง
จากแม่น้ำโขงก็แค่ข้ามฟากเข้าสู่ประเทศไทย เป็นแผนที่เสี่ยงน้อย โอกาสรอดสูง ที่สุดในวันที่ 3 แพที่กำลังต่อกันอยู่ยังไม่แล้วเสร็จ FAG สามารถติดต่อกับกองบัญชาการลอยฟ้าได้ จึงได้ส่งเฮลิคอปเตอร์มารับ แต่ต้องทยอยลงรับหลายเที่ยว
สิงห์ชัยบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า เขาดีใจมากที่การตัดสินใจของเขาในวันนั้นถูกต้อง ทำให้ทั้งกองร้อยและผู้บาดเจ็บรอดชีวิต
แต่สิ่งที่เขายังเป็นกังวลระหว่างฝูงเฮลิคอปเตอร์ทยอยร่อนลงรับ มันส่งเสียงดังเอิกเกริกมาก ทั้งฝูงบินวนเวียนรอคิวร่อนลง ฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีจำนวนมากในบริเวณนั้น หากตามมาทัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างอาจจะพังพินาศลงกลางคันได้เสมอ
สิงห์ชัยพร้อมทั้งทหารบางส่วนที่ยังแข็งแรงอยู่ ยังต้องเกร็งเฝ้าระวังอาวุธพร้อมอยู่รอบ ๆ บริเวณ โชคดีสิ่งที่สิงห์ชัยหวาดระแวงอยู่ในใจไม่เกิดขึ้น เฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้ายร่อนลง
สิงห์ชัยต้อนให้ทหารชุดสุดท้าย ที่เฝ้าระวังเตรียมพร้อมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปจนหมด เขาจึงขึ้นเฮลิคอปเตอร์เป็นคนสุดท้าย
ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ยกตัวขึ้นเหนือยอดไม้ สิงห์ชัยเล่าว่า เขาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ โล่งใจ ภูมิใจ ที่นำพาร้อยกว่าชีวิตรอดมาได้อย่างปลอดภัย เพราะการตัดสินใจที่ถูกต้อง
วีรกรรมที่ซำทอง ผมขอยกย่องเขาว่าเป็น He was a small big man
ผมไปอยู่ในสงครามประเทศลาวก่อนเขาหลายปี เราไม่เคยพบกันในประเทศลาว เนื่องจากช่วงที่ผมอยู่กองพันทหารเสือพราน ยังไม่เข้าไป
ผมได้ขออนุญาตสิงห์ชัยเพื่อเล่าถึงวีรกรรมของเขาครั้งหนึ่งในสนามรบ เพื่อเป็นเกียรติประวัติในความเป็นผู้นำ และการตัดสินใจที่เฉียบคมของเขา