วันนี้ (26 ม.ค.2564) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางช่วยคนที่ยังอยู่นอกความช่วยเหลือของรัฐบาลเพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศหลังจากที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
โดยกลุ่มแรกที่ได้รับความช่วยเหลือคือกลุ่มคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน 14 ล้านคน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน 15 ล้านคน สำหรับการจะให้สิทธิประโยชน์แก่คนในกลุ่มที่ 3 ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้น จะต้องมีการคัดกรองในระบบก่อน เช่น กรณีเป็นลูกจ้างของรัฐจะต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีของ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หมายถึงข้าราชการประจำ หรือกรณีที่เป็นพนักงานในบริษัทเอกชนและมีประกันสังคมตามมาตรา 33 จะต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ต่ำเช่น ลูกจ้างรายวัน ได้เงินวันละ 300-350 บาท ลูกจ้างที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังดูรายละเอียดอยู่ว่าจะกำหนดเกณฑ์อย่างไร
ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลเน้นให้ความช่วยเหลือแรงงานนอกระบบและอาชีพอิสระ ส่วนโครงการเราชนะที่ให้เงิน 3,500 บาท จำนวน 2 เดือน รวมเป็น 7,000 บาทนั้น นอกจากเป็นการบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนทั่วไปแล้ว ยังเป็นการช่วยผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็กรวมถึงหาบแร่แผงลอยที่ไม่ใช่นิติบุคคล ซึ่งการช่วยเหลือขยายไปถึงผู้ประกอบการที่ให้บริการขนส่งสาธารณะด้วย อาทิ รถแท็กซี่ รถสามล้อ (ตุ๊กตุ๊ก) รถจักรยานยนต์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซด์) ระบบรถไฟฟ้า รถเมล์โดยสาร และรถไฟระหว่างเมือง เป็นต้น
สำหรับความช่วยเหลือในส่วนของนายจ้างเพื่อไม่ให้เลิกจ้างและรักษาระดับการจ้างงานในประเทศนั้นที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย มีมาตรการพักชำระหนี้โดยเฉพาะให้กับเอสเอ็มอีซึ่งสิ้นสุดโครงการไปแล้วเมื่อเดือน ต.ค.2563 แต่สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น ยังประกาศขยายเวลาการพักชำระหนี้ไปจนถึงเดือน มิ.ย.นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ไฟเขียวลดเงินสมทบประกันสังคม 2 เดือน