วันนี้ (6 ก.พ.2564) นายนเรศ ผึ้งแย้ม อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เปิดเผยว่าในวันที่ 18 ก.พ.นี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะประกาศปรับโครงสร้างและสวัสดิการใหม่ เพื่อความอยู่รอดของบริษัทฯ เป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งขณะนี้พนักงานแต่ละคนรับทราบแล้วว่าการบินไทยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ และเห็นด้วยกับการปรับรูปแบบ เปิดช่องให้มีการร่วมลงทุนจากเอกชนบ้าง
รายงานข่าวจากบริษัทการบินไทย แจ้งว่า ปัจจุบันการบินไทยมีกัปตันประมาณ 1,400 คน โดยในวันที่ 18 ก.พ.นี้ บริษัทฯ จะประกาศรายชื่อจำนวนนักบินที่ปฎิบัตหน้าที่ต่อ รวมถึงประกาศเรื่องเงินเดือนและการปรับโครงสร้างใหม่ขององค์กร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตัดสินใจที่จะปลดระวางหรือเลิกใช้ เครื่องบิน 3 ประเภท คือ แอร์บัส A-330-300, แอร์บัส 380 , โบอิง 747 โดยจะเก็บเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER, โบอิ้ง 787 และแอร์บัส 350-900 ไว้ใช้ในการทำการบินเท่านั้น ซึ่งจะมีผลต่อนักบินประมาณ 395 คน จะต้องถูกปลดออก หรือขอให้เข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออกก่อนกำหนด จะทำให้มีนักบินเหลือที่จะปฏิบัติงานรวม 905 คน จากปัจจุบันที่มีนักบินรวม 1,300 คน และในช่วงปี 2564-2565 จะไม่มีการเพิ่มจำนวนนักบิน
แต่บริษัทฯ มีแผนที่จะจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 9-10 ลำ พร้อมเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์รุ่น Trent-1000 มูลค่าอีกหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าว มีปัญหาใบพัดอัดอากาศเสี่ยงต่อต่อการแตกร้าว ซึ่งการบินไทยเคยประสบปัญหานี้มาแล้วในอดีต รวมทั้งที่ผ่านมาสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ (เอฟเอเอ) ยังได้ออกคำเตือนความเสี่ยงในการใช้เครื่องยนต์ประเภทดังกล่าวด้วย