เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2564 เพจ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกประกาศ กรณีการตรวจสอบสามเณรมีพฤติกรรม ขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม โดยมีข้อความว่า
“โดยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดย กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ร่วมกับ พระครูสถิตปริติวศ์ วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เจ้าคณะแขวงบางชื่อ พระวินยาธิการ ออกตรวจตราตามที่ได้รับรายงานข่าวและแจ้งเบาะแส กรณีพบเห็นสามเณรมีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ. 2521, คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ. 2538, ประกาศคณะสงฆ์ เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย วันที่ 31 มกราคม 2501 และอาจเข้าข่ายขัดต่อประกาศมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรไม่ให้เป็นสมาชิกในสมาคม หรือสโมสรคฤหัสถ์ ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2476 ซึ่งประกาศห้ามภิกษุสามเณรเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมหรือสโมสรคฤหัสถ์ เพราะไม่สมควรเกี่ยวข้องในกิจที่ไม่ควรแก่บรรพชิต เป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา และเป็นที่ติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ของพุทธศาสนิกชนถึงความไม่เหมาะสม
ภายหลังจากที่เจ้าคณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ละแวกบ้านพักนักกิจกรรมแนวร่วมราษฎร ย่านเตาปูน ตรวจสอบตามที่ได้รับรายงาน โดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจากสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า สามเณรรูปดังกล่าวคือ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ โฟล์ค ไม่มีสังกัด ซึ่งเป็นบุคคลตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 57/2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 เรื่อง กรณีสามเณรเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยเข้าร่วมชุมนุมและปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง ทั้งในระหว่างการชุมนุมยังแสดงพฤติกรรมละเมิดองค์แห่งพระวินัยปิฎก กล่าวติพระธรรม กล่าวติพระสงฆ์ มีความเห็นผิด ไม่เหมาะสมในสมณะแห่งพระพุทธศาสนา มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอามาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสียหรือแตกแยก
มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งมติมหาเถรสมาคมนี้ ไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด และจังหวัดทุกจังหวัต เพื่อดำเนินการตามแนวทางการลงทัณฑกรรมแก่สามเณร
พร้อมแจ้งขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ต่าง ๆ หากพบเห็นสามเณรดังกล่าว ให้นำเข้าพบเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม แล้ว