วันนี้ (22 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสัญญา เกิดเงิน ยังคงตามหาเต่าอัลลิเกเตอร์ ในคลองสาขาแม่น้ำปราณบุรี หลังมีผู้ยืนยันว่า เคยจับได้แต่ต้องปล่อยไปเพราะกลัว โดยเต่าที่กำลังตามหา มีขนาดใหญ่กว่าที่เขาเคยจับได้ก่อนหน้านี้
เต่าตัวนี้ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนมีแต่เพื่อนบอกว่าเห็นลอยขึ้นแถวสะพาน แต่พอเห็นก็ไม่กล้าจับแล้ว มันอ้าปกากว้าง ผมกลัวมาก
เต่าอัลลิเกเตอร์ พบมากในสหรัฐอเมริกา กินพืช กินปลา และสัตว์น้ำที่อยู่ใกล้ รวมถึงเต่าด้วยกัน เป็นอาหารเฉลี่ยไม่น้อยกว่าวันละ 5-10 กิโลกรัม มีนิสัยดุร้าย มีแรงกัดรุนแรงมากกว่าสุนัขพันธุ์พิทบลู ถูกจัดอันดับให้เป็นสัตว์ที่มีแรงกัดรุนแรงเป็นอันดับ 3 รองจากจระเข้น้ำเค็ม และ ไฮยีน่า โดยตัวเมียจะวางไข่ครั้งละ 30-50 ฟอง เป็นสัตว์ที่ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดี และมีอายุยืน บางตัวสามารถอยู่นานเกือบ 200 ปี
การพบเต่าสายพันธุ์นี้ในแม่น้ำปราณบุรีในระยะเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ตัว และยังมีอีกตัวที่ยังต้องตามหา นำมาสู่ข้อกังวลเต่าชนิดนี้อาจแพร่พันธุ์ในแม่น้ำปราณบุรีและลำสาขา ซึ่งอาจกระทบระบบนิเวศน์บริเวณนี้ และที่สำคัญเกิดคำถาม ผู้ที่ลงไปเล่นน้ำโดยเฉพาะเด็กๆ จะมีความปลอดภัยมากพอหรือไม่
มันมีปากที่กว้าง และแรงกัดรองเป็นอันดับที่ 3 ของจระข้ และไฮยีน่า ถ้ากัดแล้วถึงจะตัดคอออกแล้วกรามก็จะยังกัดล็อกเหยื่ออยู่ จึงเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำพื้นเมืองและต่อมนุษย์ด้วย
เต่าอัลลิเกเตอร์ 2 ตัวที่พบในแม่น้ำปราณบุรี ถูกส่งไปดูแลที่สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์ต่างถิ่นดูแลใกล้ชิด ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุ เต่าที่พบอาจถูกผู้นิยมเลี้ยงสัตว์แปลกนำมาปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเพราะดูแลต่อไม่ไหว
เต่า 2 ตัวที่ตัวที่เจอ เกิดจากความไม่พร้อมของคนที่ดูแลมากกว่า และนำเอามาโยนทิ้งแม่น้ำ ไม่รู้ว่าจะเอามาทิ้งและคิดว่าจะตายหรือไม่ แต่เขาเอามาปล่อยแน่นอน
เต่าอัลลิเกเตอร์ ถูกนำเข้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในตลาดค้าสัตว์แปลก รวมถึงอินเทอร์เน็ต มีราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น แต่การนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต้องได้รับอนุญาต จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยผู้ครอบครองต้องดูแลไม่ให้หลุดสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ แต่หลังจากพบเต่าอัลลิเกเตอร์ที่แม่น้ำปราณบุรีแล้ว นักวิชาการกรมประมง เตรียมจะเสนอให้ขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าควบคุม เพราะกังวลจะเป็นภัยต่อระบบนิเวศน์ของไทย