แม้ว่าทหารเมียนมาจะมีคำสั่งหยุดยิง 1 เดือน แต่ชาวกะเหรี่ยง ที่อาศัยในรัฐกะเหรี่ยง ยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอนยังคงอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนนับหมื่นคนทำให้ภาคประชาสังคมนำสิ่งของอุปโภคและบริโภค มาให้กับผู้อพยพ โดยของอุปโภคและบริโภค ถูกทยอยนำมาบริเวณจุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน หลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานยังไม่อนุญาติให้เข้าพื้นที่ชายแดนเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย โดยสิ่งของเหล่านี้มาจากการรวบรวมของมูลนิธิภาคเอกชนที่ได้รับมาจากคนไทยที่ติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนเพื่อมอบให้กับผู้อพยพภัยจากสงครามชาวกะเหรี่ยง
นายสันติพงศ์ มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล กล่าวว่าจากการติดตามสถานการณ์ ทราบว่ามีผู้หนีภัยการสู้รบชาวกะเหรี่ยง เริ่มขาดแคลนสิ่งของอุปโภคและบริโภค ทางมูลนิธิจึงได้นำมาช่วยเหลือก่อน แต่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบยังไม่อนุญาติให้เข้าพื้นที่โดยบอกให้ทำเรื่องขออนุญาตอย่างเป็นทางการจากนายอำเภอจึงอยากให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบอนุญาติให้หน่วยงานภาคประชาสังคม เข้ามาแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวานนี้ เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังมีการระบาดของโรค COVID-19 และย้ำให้ช่วยเหลือผู้อพยพภัยจากสงครามหากต้องทำการรักษาตัวตามหลักมนุษยธรรม
ข้อมูลจาก จ.แม่ฮ่องสอน มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาทางบก 326 กม. และทางน้ำ 157 กม. ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. - 1 เม.ย.2564 มีผู้ลี้ภัยจากความไม่สงบในเมียนมาเข้ามา 4,297 คน และเดินทางกลับประเทศแล้ว 2,680 คน ส่วนที่เหลือพักอยู่ ณ พื้นที่จุดแรกรับ ตามแนวชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน
สำหรับสถานการณ์ ในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการโจมตีทางอากาศหรือภาคพื้นดิน แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังคงเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ตลอด 24 ชม.