วันนี้ (8 พ.ค.2564) นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะ ประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกประชุมผู้ประกอบการนำเข้าแรงงานจำนวน 28 ราย มากำชับกับ 3 มาตรการคือ 1.ให้ยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัดห้ามนำแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาเด็ดขาด 2.ขอให้ผู้ประกอบการช่วยกันสอดส่องว่า มีผู้ประกอบการรายใดทำผิดกฎหมายด้วยหรือไม่
และ 3.ถ้าพบรายใดนำเข้าแรงงานเถื่อนหรือแรงงานผิดกฎหมาย และพบว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือกิจการใด ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจะใช้มาตรการเด็ดขาด สั่งปิดกิจการนั้นๆ และเอาผิดทางกฎหมายถึงที่สุด
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมในวันนี้ บริษัทที่นำเข้าแรงงานระบุว่า มีการนำแรงงานเถื่อนเข้ามาจริง ตนจึงบอกว่า เพียงรับรู้ไม่ได้ แต่ต้องแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่รัฐทราบด้วย ซึ่งทำให้ทราบว่า ผู้ที่นำเข้ามาเป็นบริษัทต่างชาติไม่ใช่คนไทย
ความต้องการแรงงานมากถึง 4 หมื่นตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามการนำแรงงานเถื่อน เข้ามาจากต่างประเทศ สอดคล้องกับภาพรวมความต้องการแรงงานของจังหวัด ซึ่งนายสาคร มณีรัตน์ จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร ประเมินว่า ยังมีอัตราว่างที่ต้องการแรงงานอีกทั้งหมดประมาณ 40,000 คน โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงาน
ส่วนการขึ้นทะเบียนแรงงานก่อนเกิดการระบาดระลอก 2 จำนวน 270,000 คน ต่อมามีการขึ้นทะเบียนแรงงานรอบใหม่ ตามมติ ครม.วันที่ 29 ธ.ค.2563 จนถึงปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนใหม่แล้ว 35,000 คน
การลักลอบนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศในครั้งนี้ สร้างความกังวลใจให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่า จะเกิดการระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่เป็นสายพันธุ์ใหม่
ผู้ว่าฯ โพสต์จวกคนทำลาย "คนบ้านเดียวกัน"
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ นายวีระศักดิ์ ยังโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ระบุว่า วันนี้เราได้ตรวจพบเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มแรงงานต่างชาติของโรงงานแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร จึงได้ปิดโรงงาน 14 วัน กักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงในหอพัก และเร่งดำเนินการตรวจเชิงรุกทันที
นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน ทางสมุทรสาครเราจะเฝ้าระวังเชิงรุกกันให้เข้มข้นขึ้น โดยประกันสังคมจะเตรียมการตรวจโควิดทางน้ำลาย 15,000 ราย โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ซึ่งพบการติดเชื้อ
นายอำเภอทั้ง 3 อำเภอ จะช่วยชี้เป้าหมายพื้นที่แออัดของสมุทรสาคร และสุ่มตรวจกันเพิ่มเติมในพื้นที่เหล่านี้อีกสัปดาห์ละ 500 คน (นอกเหนือจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยซึ่งต้องตรวจอยู่แล้วนะครับ)
ช่วงนี้ยังได้รับข้อมูลทั้งจากประชาชนและภาคเอกชนว่า มีแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองจำนวนมาก
จากการเข้าจับกุมแรงงานต่างชาติในจังหวัดหนึ่ง ระบุว่า สมุทรสาครและกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของกลุ่มนี้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอีกครั้ง
สำหรับประเด็นนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจค้นตามเบาะแสที่แจ้งมาทันที และหลังจากนี้เราจะตรวจค้นเชิงรุกกันอีกอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากพรุ่งนี้จะมีการประชุมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเข้าแรงงานต่างชาติทั้งหมด เพื่อหารือแนวทางทำงานร่วมกันให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลย ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ คนไทยด้วยกันเองกลับ “เปิดประตูบ้าน” ลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมาย เพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน
โดยไม่คิดเลยว่า มันจะกระทบกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำลายสวัสดิภาพและสร้างปัญหาปากท้องของ “คนบ้านเดียวกัน” ทั้งที่รู้ว่าทุกคนกำลังย่ำแย่เต็มที
วิกฤตครั้งใหญ่ที่ผ่านมา แม้ชาวสมุทรสาครหลายท่านยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ยังมีน้ำใจสนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อจากพื้นที่ใกล้เคียง
ขอบคุณชาวสมุทรสาครอย่างมาก สำหรับความร่วมมือในทุกด้าน รวมทั้งคอยเป็นหูเป็นตาให้กันช่วยดูแลบ้านเรา
ผมยินดีรับฟังคำแนะนำและข้อมูลของทุกท่าน เพื่อเราจะได้ช่วยกันป้องกันสมุทรสาครให้ปลอดภัย และกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุดครับ