วันนี้ (10 มิ.ย.2564) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่ายห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัสก่อโรค COVID-19 ในประเทศ
ซึ่งการร่วมมือนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีข้อมูลเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่เข้มแข็ง และสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ต่อการควบคุมป้องกันโรค การรักษา และการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ในประเทศ
ทั้งนี้จากการสุ่มตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์เชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่เดือนเม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งหมด 4,185 คน พบว่า สายพันธุ์อัลฟา หรือสายพันธ์อังกฤษ มีการพบมากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 3,703 คน คิดเป็นร้อยละ 88.48
รองลงมาคือ สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จำนวน 348 คน คิดเป็นร้อยละ 8.32 สายพันธุ์ดั้งเดิม B.1 (dade G), B.1 (dade GH), B.1.1.1 (dade GR) จำนวน 98 คน คิดเป็นร้อยละ 2.34 สายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) จำนวน 26 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.62
และสายพันธุ์ B.1.524 จำนวน 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.24 ซึ่งข้อมูลต่างๆ นี้มีการประสานรายงานไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อใช้ในการควบคุมเฝ้าระวังในพื้นที่ต่อไป
เชื้อเดลต้าระบาดเร็ว-ลาม 11 จังหวัด
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้ข้อมูลว่า จากข้อมูลรายงานขององค์กรสาธารณสุขประเทศอังกฤษ (Public Health England) และ WHO พบว่า สายพันธุ์อัลฟา เป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายง่าย ทำให้เกิดการป่วยและเสียชีวิตได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม วัคซีนที่ใช้ในประเทศยังสามารถใช้ได้กับสายพันธุ์นี้
ส่วนสายพันธุ์เดลตา พบว่า มีการแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา แต่ยังไม่พบว่า มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อัลฟาแต่อย่างใด วัคซีนที่ใช้ในประเทศยังสามารถใช้ได้กับสายพันธุ์นี้
ส่วนสายพันธุ์เบตา พบว่า มีการแพร่กระจายได้ช้ากว่าสายพันธุ์อื่น แต่ทำให้เกิดการป่วยและเสียชีวิตได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ( 9 มิ.ย.) มีการรายงานพบสายพันธุ์เดลตาจำนวน 348 คนใน 11 จังหวัดคือ กทม. 318 คน อุดรธานี 17 คน สระบุรี 2 คน นนทบุรี 2 คน ขอนแก่น 2 คน ชัยภูมิ 2 คน พิษณุโลก 1 คนร้อยเอ็ด 1 คน อุบลราชธานี 1 คน บุรีรัมย์ 1 คน และสมุทรสาคร 1 คน
การรายงานผลการเฝ้าระวังนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานในประเทศ จังหวัด ชุมชน สำหรับเฝ้าระวังติดตามในจังหวัด รวมถึงเป็นข้อมูลในการรักษาโรค และเพื่อให้ประชาชนได้ป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ยังคงมีความสำคัญในการป้องกันโรคนี้เช่นเดิม ไม่ว่าจะสายพันธุ์อะไร
ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังเดินหน้าเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศ ร่วมกับเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง และพร้อมให้ข้อมูลการเฝ้าระวังกับทุกหน่วย เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"อุดรธานี" พบโควิดเดลตา 17 คนโยงแคมป์หลักสี่-งานสู่ขวัญ
ไทยพบสายพันธุ์อินเดีย สะสม 235 คน ลาม 10 จังหวัด