วันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก สรุปผลการปฏิบัติงานควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนดินแดง และถนนวิภาวดีรังสิตว่า ภายหลังเกิดเหตุเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งกับตำรวจควบคุมฝูงชนที่เข้าควบคุมสถานการณ์ พบว่า ตำรวจบาดเจ็บ 8 นาย เบื้องต้นสาเหตุเพราะถูกสะเก็ดของพลุและประทัดยักษ์และมี 2 นาย ที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บซึ่งได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
ขณะเดียวกันในระหว่างการเข้าควบคุมสถานการณ์ ได้ควบคุมตัวผู้ร่วมชุมนุม ได้ 13 คน พร้อมทั้งยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุได้อีกจำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอน
ส่วนกรณีวัยรุ่นชายคนหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุถูกประทัดยักษ์ระเบิดใส่มือทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บรับวัตถุดังกล่าวมาจากชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชุมนุมด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่ตำรวจตามที่มีการกล่าวอ้างในโลกโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้กล่าวถึง กรณีที่ในการชุมนุมหลายครั้งพบว่า กลุ่มที่ใช้ความรุนแรงหรือก่อเหตุความวุ่นวาย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์ทั้งเอกชนและภาครัฐนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและเยาวชนซึ่งตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้หลายคนแล้ว
แต่ก็พบว่า บางคนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกทำให้ขณะนี้มีแนวคิดว่าอาจต้องมีการดำเนินการกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเยาวชนผู้ก่อเหตุ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เพราะถือว่า ปล่อยปละละเลยให้บุตรหลานออกมาก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ