วันนี้ (3 ก.ย.2564) เมื่อเวลา 16.50 น.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลุกขึ้นชี้แจงอภิปรายไม่วางใจ โดยระบุว่า การใช้คำว่าระบบปรสิต เป็นการดูถูกเพื่อนสมาชิกในสภา เพราะทุกคนมาจากการเลือกตั้ง อาสามาทำงานเพื่อประชาชน การใช้คำแบบนี้เป็นการปรามาสทุกคนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และส่วนตัว ถ้ารู้จักจะรู้ว่าเป็นคนอย่างไร ขอโอกาสขอเล่าประวัติของตัวเองว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
จากนั้นเล่าเรื่องราวชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต ว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดมาจากพ่อแม่ที่ค้าขาย ไม่ได้ใฝ่ฝันจะเป็นนักการเมือง เพราะเรียนวิศวกรรม จนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้่ีนประท้วงพร้อมถามว่า
นี่ท่านมาสัมภาษณ์งานเหรอครับ ไม่ได้มีใครถามว่าท่านมีชีวิต ทำงานอะไร?
ไม่เอื้อประโยชน์ดาวเทียวไทยคม 4และ 6
ต่อจากนั้น ชัยวุฒิ ชี้แจงกรณีดาวเทียมของไทย ยืนยันว่ามีดาวเทียมอีก 4 ดวงจาก 8 ดวงที่ยิงขึ้นไป ซึ่งจากเดิมทั้ง 4 ดวงต้องส่งคืนมาเป็นทรัพย์สินให้รัฐดูแล แต่เนื่องจากมีข้อพิพาท ไทยคมอ้างว่าดวงที่ 7-8 ไม่ใช่สัญญาในสัมปทาน จึงส่งคืนมาแค่ไทยคม 4 และ 6 โดยจะเริ่มส่งมอบหลังวันที่ 10 ก.ย.นี้ เมื่อรับโอนมาแล้วที่เป็นนโยบายหลักต้องหาคนมาดูแล จึงมีข้อสรุปว่าจะโอนสิทธิให้ CAT แต่ตอนนี้ควบรวมกับ TOT จึงกลายเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)
การทำธุรกิจดาวเทียมของ NT ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ไทยคม ที่เป็นลักษณะสัมปทานผูกขาด ตัดตอน ต่อเนื่อง แบบที่กล่าวหา ให้นโยบายว่าผู้ใช้บริการทุกคนต้องได้รับการบริการอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีวีจอดำ
ทั้งนี้นายชัยวุฒิ ระบุว่า อะไรจำเป็นต้องร่วมมือกับไทยคม ก็ต้องร่วมมือกัน อะไรทำเองได้ก็ต้องทำให้มากที่สุด ที่สำคัญคือต้องคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้เสียค่าบริการแพงกว่าเดิม การจัดสรรคลื่นความถี่ ไม่มีความคิดที่จะเอื้อประโยชน์ให้บริษัทไทยคม เพราะในการเปิดประมูลวงโคจรดาวเทียม มีรายเดียวคือไทยคมแบบนี้ได้สัมมปทานแน่นอน
ทำหนังสือไปถึง กสทช. ว่าไม่เห็นด้วยกับการประมูลวงโคจรให้กับไทยคม เพราะจะได้อยู่รายเดียว จึงทบทวนว่าเลื่อนออกไปก่อน ไม่ต้องรีบ และกสทช. อยู่ระหว่างการสรรหา
ทั้งนี้ การประมูลวงโคจร และให้ไทยคมทั้งหมดเท่ากับผูกขาดวงโคจรของประเทศ สิ่งที่ทำนอกจากไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ไทยคม ยังดำเนินการขัดกับผลประโยชน์ของไทยคม
สำหรับเรื่องอนุญาโตตุลาการ ไม่รู้จักใคร เมื่อทราบว่ามีตำแหน่งว่างก็ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด (อสส.) ให้ส่งคนใหม่ที่เหมาะสมมา ทั้งหมดเป็นเรื่องของอสส.ไม่ทราบรายละเอียด ต้องให้เกียรติอัยการที่มีความเป็นกลาง
ทั้งหมดเป็นการคาดเดาของผู้อภิปราย ประติดประต่อเรื่องราวที่เลื่อนลอยมาก ยืนยันไม่แทรกแซงปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม
ยันไม่ใช้พ.ร.บ.คอมฯจัดการทางการเมือง
นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ อภิปรายถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลใช้เฟกนิวส์มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ยืนยันดำเนินการระงับข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสม ภายใต้มาตรา 14 ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่มีเรื่องการเมือง
โดยกระบวนการปิดกั้นเฟกนิวส์ จะส่งให้ศาลระงับการเผยแพร่ จึงไม่ใช่หน้าที่ของดีอีเอสทั้งหมด ที่ผ่านมามีสถิติละเมิดลิขสิทธิ์ 556 URL ลามกอนาจาร 13,213 URL พนันออนไลน์ 16,741 URL และมากสุดคือหมิ่นสถาบัน 2,656,217 URL
แต่ที่ผ่านมาพบการใช้โซเชียล ในการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้โซเชียลบิดเบือนข้อมูล สร้างความเกลียดชัง สร้างความรุนแรงในสังคม มีประชาชนถูกทำร้าย ด้วยความเกลียดชัง ยืนยันว่าสาเหตุจากโซเชียลมีเดียยุยงปลุกปั่น โซเชียลมีเดียล้างสมองคนเหล่านี้ ก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา
ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่ใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่ผ่านมามีแค่ 2 คดีและอยากให้เข้าใจว่า การทำหน้าที่ดีอีเอส ภารกิจหลักคือการปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ
วันนี้สถาบันหลักกำลังถูกบ่อนทำลายด้วย Social Media สื่อสารข้อมูลเท็จ บิดเบือน ทำให้คนเกลียดชังกัน เป็นข้อมูลที่คนไทยรับไม่ได้ เขาต้องการล้างสมองคนรุ่นใหม่มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
นายชัยวุฒิ ระบุว่า ต้องทำหน้าที่เพื่อรักษาสถาบันหลัก ท่านอาจจะไม่วางใจ ต่างอุดมการณ์ แต่เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ เข้าใจภารกิจที่ดีอีเอสต้องทำ เพื่อรักษาความสงบ และปกป้องสถานบันของชาติ ต้องเข้มแข็ง คงอยู่เพื่อคนไทย
จากนั้นนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล จึงลุกขึ้นชี้แจง โดยระบุกรณีเฟกนิวส์ ที่ถูกพาดพิงว่า การตอบคำถามที่อ้างว่าพรรคก้าวไกล เป็นส่วนหนึ่งของเฟกนิวส์ อย่าคิดว่าคนอื่นๆ จะเหมือนกับท่านที่สร้างเฟกนิวส์ตลอด
ขอย้ำว่า การที่ท่านเป็นศัตรูกับคนรุ่นใหม่ ท่านไม่มีทางอยู่ได้นาน เพราะท่านเป็นศัตรูกับอนาคต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“โรม” ชี้ “ชัยวุฒิ” เปลี่ยนอนุญาโตตุลาการ ทำรัฐเสียเปรียบคดี "ไทยคม"
ศักดิ์สยาม" โต้มงคลกิตติ์ ไม่ได้เป็นต้นตอคลัสเตอร์ทองหล่อ
"เฉลิมชัย" ชี้แจงระบายยางโปร่งใส - "ประภัตร" มั่นใจคุมลัมปีสกินได้
ปูด “ดาบ อ.-เจ๊ อ.”ค้าแรงงานค่าหัวคิวปีละ 250 ล้าน