วันนี้ (9 ก.ย.2564) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ส.ค.2564 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 23 ปี เป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ 29 จังหวัด กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และความกังวลต่อปัญหาการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลง รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าช้า
สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำ และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ก็ปรับตัวลดลงทุกรายการ
รศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า การล็อกดาวน์ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคมีหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 48.3 มีหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น จากการเข้าไม่ถึงเงินกู้ของธนาคาร เนื่องจากวงเงินเครดิตเต็ม
คาดว่ามูลค่าหนี้นอกระบบที่เพิ่มขึ้นช่วงโควิด-19 มีประมาณ 50,000 - 100,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าหนี้นอกระบบปัจจุบันอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท
รศ.ธนวรรธน์ ยังระบุว่า รัฐบาลควรเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเติมเงินคนละครึ่งอีกคนละ 3,000 บาท เมื่อรวมกับเงินคนละครึ่งที่จะเติมเข้ามาเดือน ต.ค.นี้อีก 1,500 บาท จะยิ่งเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบรวม 1.8 แสนล้านบาท และเดินหน้าออกโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นให้คนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.อนุมัติงบกลาง 2,909 ล้านบาท เดินหน้าเศรษฐกิจฐานราก
วิจัยกรุงศรี คาดแรงงาน "9.3 ล้านคน" เสี่ยงถูกเลิกจ้าง-ลดเงินเดือน