วันนี้ (15 ก.ย.2564) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น จะมีผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมมากถึง 600,000-800,000 คน ส่วนมากพบในอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
แต่จะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีภาวะสมองเสื่อมรุนแรงในเวลารวดเร็วภายใน 1-2 ปี พบในช่วงอายุ 40-60 ปี เป็นคนวัยทำงาน โรคกลุ่มนี้เรียกว่า “กลุ่มโรคสมองเสื่อมที่มีการถดถอยรวดเร็วและรุนแรง” (Rapidly progressive dementia)
โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อในสมอง สมองอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำงานไวผิดปกติ การได้รับสารพิษ ภาวะขาดสารอาหารรุนแรง โรคเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก และเนื้องอกสมอง ถ้าได้รับการรักษาทันทวงที จะช่วยชะลอความเสื่อมถอยด้านความจำ หรือความจำกลับมาสู่ภาวะปกติเท่ากับก่อนป่วยได้
อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถรักษาได้ ส่งผลทุพพลภาพในระยะเวลาอันสั้น คือ "โรคซีเจดี" ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของโปรตีนในสมองที่เรียกว่า พรีออน (Prion) เป็นโปรตีนลักษณะพิเศษ ที่ทำให้โปรตีนอื่นกลายสภาพเป็นโปรตีนพรีออนผิดปกติที่เพิ่มมากขึ้นเองได้ เมื่อเข้าสู่สมองคน ในระยะเวลารวดเร็วไม่กี่เดือนเซลล์ประสาทจะตาย ทำให้ความสามารถของสมองถดถอยไม่สามารถฟื้นกลับสู่ภาวะปกติได้อีก
สังเกตอาการ "โรคซีเจดี" หากเข้าข่ายให้รีบรักษา
ขณะที่ นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคซีเจดีพบได้ในทุกเพศ ช่วงอายุที่พบบ่อยประมาณ 55-75 ปี มีภาวะเสื่อมถอยด้านความคิดความจำในระยะเวลาที่รวดเร็วและรุนแรงไม่กี่เดือน เช่น ความจำแย่ลง การทำงานผิดพลาด และยังพบว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมและจิตใจผิดปกติ เช่น เห็นภาพหลอน เอะอะโวยวาย หรือเฉยเมย การพูดและการเคลื่อนไหวช้าลง
ญาติและผู้ใกล้ชิดควรสังเกตผู้ป่วยว่ามีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแบบรวดเร็ว ผู้ป่วยบางคนจะมีอาการกระตุกตามแขนขาและลำตัวแบบไม่รู้สาเหตุ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ กระทั่งนอนติดเตียง และเสียชีวิตภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน หรือ 1 ปี
สาเหตุเกิดจาก 1.ความเสื่อมถอยของโปรตีนและสารเคมีในสมอง 2.โรคพันธุกรรมในครอบครัว 3.ถ่ายทอดแบบการติดเชื้อ เช่น เคยมีการติดเชื้อจากการกินเนื้อวัวที่เป็นโรควัวบ้าที่เคยระบาดในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ จากสัตว์สู่คนและคนสู่คนได้
ด้านการรักษา แพทย์จะส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ส่งตรวจ MRI ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง และตรวจเลือดหรือน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจสารเคมีในสมอง และอาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยา เพื่อควบคุมอาการพฤติกรรมวุ่นวายและลดอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ เป็นต้น
ส่วนการป้องกันจะเน้นความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโปรตีนพรีออนใน 2 ด้านคือ 1.จากคนสู่คน 2.จากสัตว์สู่คน เช่น การหลีกเลี่ยงการบริโภคสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ป่วยตายไม่ทราบสาเหตุ โดยในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายขาด และมีการตรวจพบผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหากผู้ใกล้ชิดสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการเข้าได้กับโรคซีเจดี ควรรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์โดยเร็ว