กรณีสื่อสังคมออนไลน์เสนอคลิปเจ้าหน้าที่เทศกิจยึดสิ่งของจากผู้ค้าบริเวณหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่นำกระป๋องเงินของผู้ค้าไป
วันนี้ (18 ก.ย.2564) เพจสำนักงานเขตดินแดง ชี้แจงข้อมูลว่า สำนักงานเขตดินแดง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เทศกิจในการดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มารับการบริการวัคซีน COVID-19 บริเวณกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
ในระหว่างนั้นมีประชาชนมารอรับบริการจำนวนมาก และมีผู้ค้ารถเข็นหลายรายนำสินค้ามาจำหน่าย เจ้าหน้าที่เทศกิจ จึงได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่ายสินค้า และจอดรถกีดขวางบนถนน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจราจร จึงเป็นเหตุให้มีการจับกุมดังกล่าว
เพจสำนักงานเขตดินแดง ระบุว่าตามภาพที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำไปลงนั้น เจ้าหน้าที่เทศกิจได้กวดขันผู้ค้าไอศกรีม ซึ่งฝ่าฝืนในลักษณะนี้เป็นประจำ และมีอยู่เพียงรายเดียว ที่ยังคงฝ่าฝืนมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้เคยประชาสัมพันธ์ตักเตือนไปแล้วหลายครั้ง แต่ยังคงฝ่าฝืนขายสินค้าในบริเวณดังกล่าว ในวันที่เกิดเหตุนั้นมีการจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้เคลื่อนย้าย แต่ยังคงฝ่าฝืน
สำหรับผู้ค้าไอศกรีมที่ปรากฏตามคลิปนั้น เป็นการจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดปรุงอาหาร ขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือในสถานสาธารณะ เจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจพบการกระทำความผิด จึงได้ดำเนินการจับกุมพร้อมยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดไปประกอบการดำเนินคดี (มาตรา 50)
ทั้งนี้ ในการจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ยึดกระป๋องใส่อุปกรณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ใส่ไอศกรีม มิใช่กระป๋องใส่เงิน และไม่ได้ยึดรถเข็นเป็นของกลางแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตดินแดงได้กำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในภาคสนาม ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ และหลีกเลี่ยงการดำเนินการใดๆ ที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจคุกคามต่อสภาพจิตใจของประชาชน อย่างเคร่งครัดต่อไป
สำหรับคลิปดังกล่าว มีผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์เหตุการณ์ความยาวประมาณ 20 วินาทีพบว่าเทศกิจกำลังหยอบกระป๋องใส่ในรถ ซึ่งหลังจากมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวทำให้มีคนเข้ามาวิจารณ์จำนวนมากทั้งในแวดวง บันเทิง และผู้ใช้โซเชียลทั่วไป จนล่าสุดสำนักงานเขตดินแดงต้องออกมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น