วันนี้ (20 ก.ย.2564) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันนี้ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิดของไทยอยู่ที่อันดับที่ 29 ส่วนสถานการณ์ทั้งโลกและหลายประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปในทิศทางลดลง มาเลเซียติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 14,000 คน เวียดนาม 10,040 คน เมียนมา 1,702 คน กัมพูชา 612 คน ลาว 371 คน เป็นต้น ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยอยู่ที่ 12,709 คน หายป่วย 11,125 คน เสียชีวิต 106 คน ผู้ป่วยสะสม 1,460,323 คน หายป่วยสะสม 1,313,718 คน
สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตในวันนี้ แม้ว่าจะลดลง แต่ตัวเลขยังเกิน 100 คน หากดูที่ความเสี่ยงพบว่าอายุตั้งแต่ 60 ขึ้นไป จำนวน 74 คน หรือประมาณ 70% ถ้ารวมกลุ่ม 608 หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว 25 คน จะรวมเป็น 93% ซึ่งขอเน้นย้ำว่าการรับวัคซีนเข็มเดียวจะช่วยลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ขอความร่วมมือทุกจังหวัดพาผู้สูงอายุและผู้ป่วย 8 กลุ่มโรคไปเข้ารับวัคซีนด้วย
สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มลดลงชัดเจน เช่นเดียวกันกับ 48 จังหวัด และจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมเข้มงวดมีแนวโน้มลดลง แต่ตัวเลขใน 4 จังหวัดภาคใต้ และเรือนจำนั้น ซึ่ง ศบค.ชุดเล็ก มีความเป็นห่วงว่านอกจากอัตราผู้ติดเชื้่อที่มีทิศทางที่สูงขึ้น อัตราผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิตสูงด้วย ซึ่งใน 4 จังหวัดภาคใต้ มีรายงานการฉีดวัคซีนครอบคลุมค่อนข้างน้อย มีเพียงยะลา จังหวัดเดียวที่ได้รับวัคซีนครอบคลุมกลุ่ม 608 เกิน 70% ขึ้นไป
ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อ 10 อันดับแรก ยังคงเดิม ซึ่งกรุงเทพฯ มีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 3,000 คน ตามมาด้วยสมุทรปราการ ส่วนจังหวัดอื่นๆ แม้ว่าไม่ได้มีรายงานยอดตัวเลขสูงใน 10 อันดับแรก แต่พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน เช่น แคมป์คนงาน จ.ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ส่วนกาญจนบุรี เป็นคลัสเตอร์จับไก่ แต่ไม่ใช่โรงจับไก่ เป็นชื่อของแคมป์คนงานก่อสร้าง
นอกจากนี้ ยังมีตลาด-งานศพ จะเป็นที่อุดรธานี ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ใหญ่เกิน 200 คน และหลายจังหวัดที่เป็นการติดเชื้อในตลาดสด เช่น สระแก้ว ชัยภูมิ นครศรีธรรมราช และศูนย์ฝึกทหาร นักเรีบนทหาร นักบวช ที่ จ.สตูล ส่วนชุมชนและหมู่บ้าน การสัมผัสร่วมบ้าน พบเป็นคลัสเตอร์ที่หนองบัวลำภู ปัตตานี ยะลา และสงขลา
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ จ.มหาสารคาม ยังมีรายงานการตั้งวงดื่มเหล้า ส่วนที่ จ.ลำปาง จะเป็นสำนักงานทรัพยากรน้ำ ซึ่งขอเรียนย้ำว่าหน่วยงานราชการขอให้เข้มงวดมาตรการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะมีเทศกาลในการเกษียณอายุราชการ งานมุทิตาจิต
ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรครายงานว่าผู้ติดเชื้อบางคน ทราบว่าติดเชื้อแล้ว แต่ยังมีการออกไปใช้ชีวิตในชุมชน ออกไปซื้อข้าวซื้อของ รวมทั้งผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ก็มีรายงานว่าไม่กักตัว อยากให้ประชาชนที่ตอนนี้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อาจจะหละหลวมกับมาตรการต่างๆ ขอให้ยังคงเน้นย้ำมาตรการกันอีกระยะหนึ่ง
สำหรับทิศทางผู้ติดเชื้อของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 40% ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่เหลืออีก 71 จังหวัด ประมาณ 60% ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อในวันนี้ คือบึงกาฬ ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีสีเขียวอีกหลายจังหวัด ได้แก่ หนองคาย นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร
ส่วนภาคเหนือ สีเขียวเยอะ คือแพร่ พะเยา น่าน ส่วนตากยังมีสีแดง เพราะมีพื้นที่ชายแดนติดกับเพื่อนบ้าน ยังพบการเดินทางข้ามพื้นที่อย่างผิดกฎหมาย ส่วนภาคใต้ เริ่มมีพื้นที่สีเหลือง คือพังงา สตูล และประจวบคีรีขันธ์
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ตรงนี้มีความสำคัญ เนื่องจากหลายจังหวัดมีการวางแผนพัฒนาให้เป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อที่จะเปิดรับการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งการที่มีรายงานการติดเชื้อลดลง อัตราการเสียชีวิต และอัตราการพบคลัสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ลดลง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถเปิดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวได้
เช่นเดียวกับในกรุงเทพฯ ซึ่งมีการพูดถึงค่อนข้างมากในการพัฒนาเป็นพื้นที่นำร่องเช่นเดียวกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เป็นชื่อกรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์ ที่จะเป็นการเปิดบ้านเปิดเมืองในวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งสิ่งสำคัญคือดูที่ผู้ติดเชื้อเป็นหลัก ซึ่งในวันนี้มีการรายงานผู้ป่วยใหม่ 2,831 คน ถ้านับยืนยันสะสมจะอยู่ที่ 346,262 คน
อย่างไรก็ตาม พบว่าในช่วงหลังไม่มีการเสียชีวิตที่บ้าน ศักยภาพเตียงรองรับผู้ป่วยทั้งกลุ่มสีเขียว เหลือง แดง พบว่ากรุงเทพฯ ก็มีความพร้อม และที่สำคัญในกรุงเทพฯ มีการฉีดวัคซีนครอบคลุม เข็ม 1 เกิน 100% อยู่ที่ 7,863,347 คน ซึ่งรวมประชากรแฝงไปด้วย ซึ่งยังต้องระดมฉีดต่อเนื่อง ส่วนเข็ม 2 กรุงเทพฯ ฉีดไปแล้ว 42.57% ซึ่งตามเป้าหมายจะต้องฉีดเข็ม 2 เกิน 70% ส่วนเข็ม 3 เกือบ 200,000 คนแล้ว
ส่วนศูนย์พักคอยในพื้นที่กรุงเทพฯ เปิดดำเนินการแล้ว 61 แห่ง หากมีความจำเป็น ยังสามารถเพิ่มได้อีก 3 แห่ง รวมเป็น 64 แห่ง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.เป็นต้นมา ผู้ที่เข้าไปรับการรักษามีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับการกักตัวที่บ้าน ซึ่งทิศทางการเปิดบ้านเปิดเมืองด้วยกรุงเทพฯแซนด์บ็อกซ์มีความเป็นไปได้แน่นอน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.ระบุว่ากรุงเทพฯแซนด์บ็อกซ์ยังไม่กำหนดวัน และเกณฑ์ที่สำคัญคือประชาชนในกรุงเทพฯ จะต้องได้รับวัคซีนเข็ม 2 เกิน 70% และอัตราผู้ติดเชื้อรายวันจะต้องมีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการพิจารณาควบคู่กับศักยภาพเตียงรองรับ หากมีการพบการติดเชื้อกลับสูงขึ้นมา หรือเป็นกลุ่มก้อน กรุงเทพฯ จะต้องมีศักยภาพที่จะรองรับได้ ก่อนจะเปิดบ้านเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในบ้านเราต้องมีการดูแลให้ประชาชนปลอดภัยก่อน
ทั้งนี้ ในวันพุธที่ 22 ก.ย.นี้ กรุงเทพฯ จะประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับ จ.ภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบที่นำร่องไปก่อนแล้ว คือโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวรวม 32,005 คน พบติดเชื้อ 91 คน หรือประมาณ 0.28% ซึ่งภูเก็ตใช้วิธีการเปิดคลินิกอุ่นใจ ซึ่งใช้หลักการเดียวกับสนามกีฬานิมิบุตร กรุงเทพฯ ที่บริการแบบครบวงจร และได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี
อ่านข่าวอื่นที่น่าสนใจ
"ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" ร้อง DSI ถูกปลอมเฟซบุ๊ก-ไลน์หลอกขายวัคซีน
วันแรก ฉีดวัคซีน "ซิโนฟาร์ม" ให้นักเรียน 1 แสนคน
"พม." ให้ออก "จนท." ยักยอกเงินคนพิการ 45 ล้าน