เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2564 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นางคณิสรา เชฐบัณฑิตย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมปลัดอาวุโส อ.ศรีสวัสดิ์ และผู้นำชุมชน ได้เข้าดำเนินการปลูกป่า จำนวน 2 ไร่ ในพื้นที่รื้อถอนบ้านพักตากอากาศหรูคู่แฝดจำนวน 2 หลัง มูลค่า 5 ล้าน ของนายเชิดชู ทองชีวงค์ กับพวกรวม 10 คน ที่ได้ปลูกสร้างคร่อมลำธาร บุกรุก ยึดถือครอบครอง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์โดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณป่าบ้านแม่กว้า หมู่ 1 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
ต่อมาหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้แจ้งความส่งดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ.ศรีสวัสดิ์ และได้มีคำสั่งให้รื้อถอนบ้านพักตากอากาศหรูดังกล่าว นายเชิดชู ทองชีวงศ์ กับพวกรวม 10 ก็ได้ยินยอมรื้อถอนด้วยตนเอง โดยได้นำคนงาน และเครื่องจักรเข้ามาทุบรื้อถอนตัวอาคาร และใช้รถแบ๊กโฮ ตักซากอาคาร ใส่รถสิบล้อขนออกจากนอกพื้นที่ไปจนหมดตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.-8 พ.ย. ซึ่งใช้เวลารื้อถอนบ้านพักตากอากาศหรูคู่แฝดหรูภายใน 1 เดือน
ล่าสุุด คณะเจ้าหน้าที่จึงได้นำพื้นที่ดังกล่าว ที่ยึดคืนมาได้นำมาปลูกป่า ภายใต้โครงการปลูกป่าเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และป้องกันไฟป่า โดยการปลูกไม้ป่า อันได้แก่ มะค่าโมง ประดู่ป่า ยางนา ตะแบก จำนวน 200 กล้า เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าให้เป็นแหล่งต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ของประชาชนทุกคน
หลังจากนั้น นายนิพนธ์, นายคณิสรา, นายยุทธพงศ์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้เดินทางไปตรวจสอบ รีสอร์ตหรูขนาดใหญ่ ราคา 30 ล้าน “สวนพิศตะวันรีสอร์ท” เพื่อเตรียมรื้อถอน ทุบทิ้ง ให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
เหตุแห่งการรื้อถอน ทุบทิ้ง รีสอร์ตดังกล่าว เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2557 คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันออกปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ในเขตท้องที่ป่าท่าแพขนานยนต์ หมู่ที่ 6 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี พบบ้านพักตากอากาศชื่อ พิศตะวันรีสอร์ท ตั้งอยู่ในในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์
โดยมีนายสมภพ มีชูเวท เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่ตรวจวัดพื้นที่รอบแปลงด้วย GPS คำนวนเนื้อที่ได้ 20ไร่ พบสิ่งปลูกสร้างลักษณะ รีสอร์ตขนาดใหญ่ จำนวน 17 รายการ ราคา 30 ล้าน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จึงได้แจ้งความนายสมภพ มีชูเวศ เจ้าของรีสอร์ต มีความผิดฐาน บุกรุก ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวนสถานนีตำรวจภูธณด่านแม่แฉลบ จังหวัดกาญจนบุรี
ต่อมาคดีอาญาอัยการจังหวัดกาญจนบุรีมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเพราะขาดเจตนา กรมอุทยานฯได้ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 954,307 บาท ต่อมานายสมภพ มีชูเวท ถึงแความตาย และได้มีนางพิศมัย มีชูเวท เป็นผู้จัดการมรดกแทน โดยพนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ยื่นฟ้องนางพิศมัย มีชูเวท ผู้จัดการมรดก เป็นคดีความแพ่ง คดีหมายเลขดำ ที่ 96/2561 เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2561ในระหว่างการพิจารณาของศาล นางพิศมัยได้ขอเจรจาไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายในการบุกรุกป่าให้กรมอุทยานฯ เป็นเงิน 600,000 บาท และผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 960/2561 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2561
สำหรับคดีทางปกครอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ออกคำสั่งที่ 71/2557 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ให้ผู้กระทำผิดทำลายหรือสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ หรือทำให้สิ่งนั้นกลับสู่สภาพเดิมแล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 ตามความมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้กระทำผิดรื้อถอน ฉบับลงวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ต่อมาผู้กระทำผิดได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง โดยมีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่ ส.14/2558 โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา ลงวันที่ 23 กันยายน 2564 ในคดีหมายเลขแดงที่ 154/2560 โดยศาลปกครองมีคำพิพากษา ให้รื้อถอนรีสอร์ตดังกล่าวได้ โดยนางพิศมัย มีชูเวท ผู้จัดการมรดก ไม่ได้อุทธรณ์ คดีปกครองถึงที่สุด
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางมาดูรีสอร์ตสุดหรูดังกล่าวเพื่อเตรียมรื้อถอน ทุบทิ้ง รีสอร์ตดังกล่าว และนำพื้นที่ที่ได้ยึดคืนมา จำนวน 20 ไร่ มาฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รื้อบ้านพักตากอากาศ สร้างคร่อมลำธารในที่อุทยานฯ เขื่อนศรีนครินทร์