วันนี้ (17 พ.ย.2564 ) กองทัพเรือภาคที่ 2 โดยมี พลเรือตรีพิจิตต ศรีรุ่งเรือง รอง ผบ.ทร.ภ.2 พลเรือตรีสุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รอง ผอ.ศรชล.ภ.2 นาวาเอกวศากร สุนทรนันท รอง ผอ.ศรชล.จ.สุราษฎร์ธานี เรือเอกกีรติ ภานุพิจารย์ ผบ.ร.ล.ท้ายเหมือง เรือเอกกฤศฏา ศรีปริยัติ ผบ.เรือ ต.113 ร้อยตำรวจเอกสุวัช พัวพันธ์ รองสารวัตรตำรวจน้ำสมุย แถลงข่าวจับกุมเรือประมงเวียดนามจำนวน 2 ลำ พร้อมจับกุมลูกเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 คน
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยกองทัพเรือภาคที่ 2 ได้รับการประสานจากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 (ศรชล.ภาค 2) ว่าพบ กลุ่มเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาประมงในอาณาเขตของประเทศไทย ประมาณ 40 ลำ
พลเรือโทสุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ได้สั่งการให้เรือ ต.113 ออกลาดตระเวน ตรวจสอบกลุ่มเรือประมงต่างชาติดังกล่าว โดยเรือ ต.113 ได้พบกลุ่มเรือประมงต้องสงสัยจำนวน 4 ลำ จึงได้นำเรือเข้าตรวจสอบ พบว่า เป็นเรือประมงสัญชาติเวียดนามจึงแสดงตัวเพื่อทำการตรวจค้นและจับกุมเรือประมงดังกล่าวตามขั้นตอน
ในระหว่างนั้นเรือประมงเวียดนามลำหนึ่งได้ขับเรือพุ่งเข้ามาทางด้านกราบขวาเรือ เรือ ต.113 ก่อนพุ่งเข้าชนเรือ ต.113 จนทำให้เรือ ต.113 ได้รับความเสียหาย จากนั้นเรือประมงกลุ่มดังกล่าวได้ขับเรือหลบหนีไป ในระหว่างที่เรือ ต.113 ตรวจสอบความเสียหายของเรือ
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ได้สั่งการให้จัดตั้งหมู่เรือเฉพาะกิจ ประกอบด้วย ร.ล.ตาปี ร.ล.นราธิวาส ร.ล.แกลง ร.ล.ท้ายเหมือง และเรือ ต.113 พร้อมเครื่องบินลาดตระเวน และเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษจำนวน 6 นาย ออกปฏิบัติการลาดตระเวนค้นหาจับกุม เรือประมงต่างชาติ ที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในทางทะเลของไทยที่หลบหนีการจับกุมไป
จนในวันที่ 16 พ.ย.2564 ร.ล.ท้ายเหมือง และ ร.ล.แกลง ได้ตรวจพบเรือประมงเวียดนาม จำนวน 1 ลำ พร้อมลูกเรือสัญชาติเวียดนามจำนวน 5 คน จึงได้ตรวจค้นและจับกุม
ขณะเดียวกัน ร.ล.นราธิวาส และเรือ ต.113 ได้ตรวจพบเรือประมงเวียดนาม จำนวน 1 ลำ แต่ไม่พบลูกเรือในเรือลำดังกล่าว แต่พบร่องรอยการชนที่บริเวณหัวเรือลำดังกล่าวจึงคาดว่า จะเป็นเรือประมงเวียดนามลำเดียวกันที่ขับพุ่งชนเรือ ต.113 แล้วหลบหนี
ก่อนที่ลูกเรือประมงลำดังกล่าวได้หลบหนีไปกับเรือประมงเวียดนามลำอื่นที่มารับไป โดยทิ้งเรือลำดังกล่าวที่ได้รับความเสียหายไว้ เจ้าหน้าที่ทหารเรือจึงได้ควบคุมตัวลูกเรือสัญชาติเวียดนามและเรือประมง จำนวน 2 ลำ เข้ามายังท่าเทียบเรือ สถานีเรือสมุย ฐานทัพเรือภาค 2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พลเรือตรีพิจิตต ศรีรุ่งเรือง รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการที่เรือประมงเวียดนามลำดังกล่าวพุ่งชนเรือทำความเสียหายต่อเรือของกองทัพเรือนั้นถึอเป็นการกระทำที่รุนแรง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพเรือ ได้เข้าจับกุมอย่างละมุนละม่อมมาโดยตลอด โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นที่ตั้ง
ต่อจากนี้ทางทัพเรือภาคที่ 2 จะเพิ่มความเข้มงวดตามมาตรการในการจับกุมให้มากขึ้น และขอให้พี่น้องประชาชนร่วมถึงชาวประมงไทยให้มั่นใจว่าในพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 2 จะรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้เต็มที่ ซึ่งในการตรวจพบเรือประมงเวียดนามที่เข้ามาทำการประมงในในประเทศไทยในขณะนี้พบว่า จะเป็นการเข้ามาลักลอบจับปลิงทะเล ซึ่งจากการตรวจสอบในเรือพบปลิงทะเลจำนวนหนึ่งที่เรือประมงเวียดนามจับการจับขึ้นมา โดยใช้อุปกรณ์เครื่องมือในการคราดปลิงทะเลที่อยู่ใต้ท้องทะเล ซึ่งเป็นการทำให้ทรัพยากรทางทะเลได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันทางด้าน พลเรือตรีสุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รอง ผอ.ศรชล.ภ.2 เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากกลุ่มเรือประมงของไทยว่า มีเรือประมงเวียดนามลักลอบเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ของประเทศไทยมากถึง 40 ลำ แต่เมื่อออกไปตรวจสอบก็พบเรือประมงประมงเวียดนาม ประมาณ 7 ลำ
แต่เนื่องจากกลุ่มเรือประมงเวียดนามกลุ่มนี้ อาจจะมีสายข่าวที่ทำหน้าที่แจ้งเตือนเมื่อเจ้าหน้าที่จะออกดำเนินการจับกุม รวมถึงเรือประมงเวียดนามที่ลักลอบเข้ามาก็ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับเรือของเจ้าหน้าที่ของไทยได้ เมื่ออยู่ในระยะใกล้ก่อนเข้าจับกุมจึงทำให้เรือประมงเวียดนามกลุ่มนี้ได้พอมีเวลาในการหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 จะเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มสายข่าวซึ่งเป็นกลุ่มชาวประมงของไทยในการแจ้งข้อมูล เพิ่มติดตามจับกุมเรือประมงที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในประเทศ เพื่อปกป้องรักษาและรักษาทรัพยากรทางทะเลของประเทศให้ได้อย่างเต็มความสามารถ