ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

พบ 11 โรงแรม ส่อทุจริต "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 3

อาชญากรรม
18 พ.ย. 64
20:02
2,368
Logo Thai PBS
พบ 11 โรงแรม ส่อทุจริต "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 3
กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พบ 11 โรงแรม ส่อทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 อีก 5 คนมีพฤติกรรมใช้นายหน้าชวนประชาชนจองห้องพักแต่ไม่เข้าอยู่จริง

วันนี้ (18 พ.ย.2564) พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้จัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 กระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้จ่ายภาคประชาชน ผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจ

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงแรมและร้านค้าเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 จำนวน 3,019 ราย รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนในโครงการ 3 รายการ คือ ส่วนลดค่าที่พักโรงแรม ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว และส่วนลดค่าเดินทางโดยเครื่องบิน โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนขอใช้สิทธิและทำรายการใช้สิทธิต่าง ๆ โดยสมัครผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 ม.ค.2565

ททท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ตรวจสอบพบพฤติกรรมการทำธุรกรรมที่ผิดปกติในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 โดยผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม มีพฤติการณ์ทำธุรกรรมไม่เป็นไปตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์และส่อไปในทางทุจริต จำนวน 11 โรงแรม และผู้ต้องสงสัย 5 ราย มีพฤติกรรมใช้นายหน้าหรือตัวแทน ชักชวนประชาชนที่มีแอปพลิเคชันเป๋าตัง ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการฯ ทำการจองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยเสนอให้ค่าตอบแทนแก่ประชาชนเพียงเล็กน้อย ไม่ได้มีการเข้าพักจริง และบางโรงแรมยังไม่เปิดให้บริการ ใช้นายหน้า ชักชวนนำพาประชาชนมาใช้สิทธิจองห้องพัก และทำการเช็กอินนอกสถานที่ตั้งของโรงแรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ แจ้งให้ประชาชนทราบว่าพฤติการณ์ลักษณะดังกล่าวข้างต้นเป็นความผิด และอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของนายหน้าที่มาแนะนำหรือชักชวนให้ทำการดังกล่าวโดยได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย และขอแจ้งเตือนผู้ประกอบการโรงแรม รวมถึงร้านค้าที่ร่วมโครงการดังกล่าว ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎระเบียบตามโครงการฯ ด้วยความสุจริต

หากพบผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น ถือว่ามีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ซึ่งเป็นความผิดอาญาที่มีอัตราโทษ คือ ร่วมกันฉ้อโกง มาตรา 341 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น มาตรา 342 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือเบิกถอนเงินสด มาตรา 269/7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่จะก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ มาตรา 14(2) ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท, ฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน มาตรา 60 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง