การถอนตัวจากทีมชาติไทยชุดซูซูกิคัพของ "พรรษา เหมวิบูลย์" โดยให้เหตุผลร่างกายไม่สมบูรณ์ หลังมาโน่ โพลกิ้ง ประกาศรายชื่อ 30 คนสุดท้ายเพียง 1 วัน แต่กลับมีชื่อเล่นให้กับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในนัดที่บุกไปชนะเชียงราย ยูไนเต็ด 1-0 ไทยลีกนัดล่าสุด ทำให้แฟนบอลส่วนใหญ่วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่ให้ความสำคัญกับทีมชาติ
กระแสดรามาในสังคมโซเชียลทำให้ภาพลักษณ์ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และพรรษา เหมวิบูลย์ กองหลังทีมชาติติดลบจากความรู้สึกแฟนบอลไปแล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่า "ซ้อต่าย" กรุณา ชิดชอบ รองประธานสโมสรจะชี้แจงผ่านเฟสบุ๊กยืนยันว่า พรรษา ได้รับบาดเจ็บจริงนับตั้งแต่เจอขอนแก่น ยูไนเต็ดเมื่อ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา และนัดนี้ต้องเข็นลงไปเล่นเพราะคนอื่นเจ็บมากกว่า ซึ่งพรรษาจะต้องพักอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ แต่แฟนบอลส่วนใหญ่ยังคลางแคลงใจ ด้วยฟอร์มที่สามารถเล่นได้ครบ 90 นาที ไม่แสดงอาการบาดเจ็บให้เห็น
อย่างไรก็ตาม ซูซูกิคัพ ไม่อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์ที่เป็นไฟต์บังคับ จึงไม่ผิดหากสโมสรจะมีเหตุผลไม่ปล่อยตัวนักเตะ แต่กรณีของ พรรษา การชิงประกาศถอนตัวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดจังหวะของทั้งพรรษา และสโมสรบุรีรัมย์ เนื่องจากซูซูกิคัพไม่ได้อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์ จึงไม่ผิดหากสโมสรจะตัดสินใจไม่ปล่อยตัวนักเตะ แม้จะขาดพรรษาแต่ก็ไม่น่ากระทบต่อแท็กติกของทีมมากนัก เห็นได้ชัดว่า 30 คนสุดท้ายชุดซูซูกิคัพ มาโน่ เน้นผู้เล่นตำแหน่งกองกลาง เพื่อเน้นเกมบุก
อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ผู้เล่นในตำแหน่ง เซ็นเตอร์ฮาร์ฟที่มาโน่ เลือกเข้ามาติดทีมชุดนี้ ล้วนเป็นผู้เล่นสูงใหญ่ที่มีเล่นลูกกลางอากาศได้ดีทั้ง มานูเอล ทอมเบียร์ ที่สูง 185 เซนติเมตร, เอเลียส ดอเลาะห์ 196 เซนติเมตร, โจนาธาน เข็มดี 190 เซ็นติเมตร และ ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ที่ถูกเรียกมาแทนพรรษา เหมวิบูลย์ ก็สูงถึง 187 เซนติเมตร
มาโน่หวังผลจากลูกเซ็ตพีซ ที่จะใช้ประโยชน์จากกองหลังที่สูงใหญ่ขึ้นมาทำประตู ซึ่งพรรษาไม่ได้โดดเด่นในการเล่นลูกเซ็ตพีช ถ้าเทียบกับกองหลังคนอื่น ๆ แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่า พรรษา คือกองหลังเบอร์ต้น ๆ ของไทย ที่มีจุดเด่นในเรื่องการอ่านเกม การออกบอล และมีความเร็ว การมีพรรษาทำให้ มาโน่ โพลกิ้ง เลือกใช้แท็กติกได้หลากหลาย และจะทำให้ทีมไทยมีความแข็งแกร่ง ครบเครื่องยิ่งขึ้น