บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหารบริษัท Microsoft เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานของมนุษย์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากการระบาดของ COVID-19 และการมาถึงของเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Metaverse โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้โลกเสมือนจริง Metaverse ยังทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องตามมาอีกหลายอย่าง
ข้อดีของการประชุมบนโลกเสมือนจริง คือ ผู้ร่วมประชุมทุกคนไม่จำเป็นต้องรวมอยู่ในสถานที่เดียวกันเพียงใส่แว่นตา VR เชื่อมต่อออนไลน์ก็จะมองเห็นผู้ร่วมประชุมคนอื่น ๆ เสมือนนั่งรวมกันอยู่ในห้องเดียว ประหยัดเวลาในการเดินทาง การแต่งเครื่องแบบ ใส่น้ำหอมและให้ความสำคัญกับรายละเอียดการประชุมเพิ่มมากขึ้น เน้นผลงานหรือข้อมูลสิ่งที่ผู้ร่วมประชุมได้รับจากการประชุมมากกว่ารูปแบบวิธีการ
ก่อนหน้านี้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Metaverse มีการถูกพูดถึงและพัฒนาเทคโนโลยีที่รองรับการแสดงผลโลกเสมือนจริงมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Facebook หรือบริษัท Meta ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กอันดับ 1 ของโลกออกมาประกาศสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Metaverse อย่างเต็มตัวและเปิดตัว Horizon Worlds ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ในช่วงแรกของการก่อตั้งบริษัท Microsoft บิล เกตส์และผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่น ๆ เคยมองเห็นอนาคตว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าไปอยู่ในบ้านของผู้คนทั่วโลกและมันจะถูกใช้ทำงาน กิจกรรมต่าง ๆ หลายรูปแบบ นอกจากนี้บิล เกตส์ยังเป็นบุคคลหนึ่งที่มักแสดงความเห็นเกี่ยวกับโลกอนาคตและสิ่งนั้นมักเกิดขึ้นจริง ๆ เช่น การให้ความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการเตือนภัยเกี่ยวกับปัญหาโรคระบาดที่จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สำหรับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงของบริษัท Microsoft ปัจจุบันบิล เกตส์ได้ก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารบริษัทจึงสามารถให้ความเห็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความพยายามของบริษัท Microsoft ที่ต้องการเชื่อมผู้คนทั่วโลกเข้าสู่โลกเสมือนจริงผ่านแว่นตาอัจฉริยะ Microsoft Hololens รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงร่างอวาตาร์ของมนุษย์ที่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ รวมไปถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ให้รองรับกับโลกเสมือนจริงจากผู้ให้บริการอื่น ๆ
ที่มาข้อมูลและภาพ: gatesnotes, cnbc
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech