วันนี้ (9 ม.ค.2565) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวครอบครัวของเด็กป่วยโควิดวัย 4 เดือน หาโรงพยาบาลรักษานั้น ขณะนี้กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้ประสานรับเด็กคนดังกล่าว เข้ารักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีเรียบร้อยแล้ว
ผู้ป่วยเด็กรายดังกล่าว มีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ไม่มีหอบเหนื่อย ดูดนมเองได้ ไม่อาเจียน ไม่มีถ่ายเหลว นอนพักผ่อนได้ปกติ
ซึ่งได้รับการดูแลรักษาตามมาตรฐานของการดูแลผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิด 19 ที่กรมการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นสถาบันเฉพาะทางที่ดูแลเด็ก มีการเตรียมความพร้อมอย่างดี สามารถให้การดูแลผู้ป่วยโควิดเด็กทุกกลุ่มอาการ โดยกลุ่มสีเขียวจะให้รักษาตัวที่บ้าน Home Isolation (HI) และเตียง Community Isolation (CI) ส่วนกลุ่มสีเหลืองและสีแดง จะรับไว้รักษาในสถาบัน ซึ่งขณะนี้มีห้องแยกความดันลบ 5 ห้อง มีเตียงรองรับผู้ป่วยทั้งหมด 70 เตียง
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สถาบันฯ เตรียมความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนกลุ่มเด็ก 5-11 ปี ซึ่งได้มีการซักซ้อม พร้อมจัดสถานที่สำหรับให้บริการ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว และจะเร่งฉีดเด็กกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต
ประสาน กทม.จัดเตียงสำหรับเด็กติดโควิด
ทั้งนี้ กรมการแพทย์และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้เตรียมรับมือการระบาดของโรคโควิด 19 ในรอบนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเกิดการระบาดในเด็กมาก เพราะเด็กบางส่วนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ย้ำว่าอาการไม่รุนแรง หากไม่มีโรคประจำตัว
ขณะนี้มีการประสาน กทม.ให้จัดทำเตียง Community Isolation (CI) สำหรับเด็กและครอบครัวเอาไว้ 6 โซน โซนละ 1 แห่ง แห่งละอย่างน้อย 50 เตียง โดย 1 ห้องเด็กอยู่ร่วมกัน 3-4 คน มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมได้ เนื่องจากเด็กจะมีการทำกิจกรรมมากกว่าผู้ใหญ่
พร้อมทั้งมอบสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินี เผยแพร่วิธีการเตรียมยาน้ำฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็ก ผ่านทาง YouTube ของสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินีและกรมการแพทย์ เพื่อให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งสามารถเตรียมยาได้เอง ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก โดยไม่ต้องสำรอง พร้อมจัดระบบให้ปรึกษาร่วมกับโรงเรียนแพทย์ (UHosNet) สำนักการแพทย์ กทม. โรงพยาบาลเอกชนในการดำเนินการ HI และ CI
นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง CI สำหรับแรงงานต่างด้าว เริ่มจากหนึ่งโซน ถ้ามีความจำเป็นจะขยายไปโซนละ 1 แห่งต่อไป โดยกำหนดไว้แห่งละประมาณ 100 เตียง