วันนี้ (19 ม.ค.2565) นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เนื่องสถานการณ์ COVID-19 ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง และส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ หายไปจากเดิม 1,000-2,000 ล้านบาทต่อปี แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เงินรายได้ดังกล่าวจัดเก็บได้เพียงปีละ 500-600 ล้านบาท ประกอบกับนโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป

ขณะนี้เจ้าหน้าที่เข้มงวดมาตรการป้องกัน COVID-19 มาก เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาพักค้าง หรือกางเต็นท์ในพื้นที่อุทยานฯ จะขอตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ส่วนกลุ่มวันเดย์ทริป เที่ยวแบบไป-กลับ จะจัดโซนนิ่ง และจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่สามารถรองรับได้ ยกตัวอย่างอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ในอดีตมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่อ่าวมาหยาจำนวนมาก วันละ 5,000 คน เป็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาด จึงปิดอ่าวมาหยา 3 ปี จนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ กระทั่งได้รับนโยบายให้เปิดแล้ว และกรมอุทยานฯ ได้เตรียมความพร้อมการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวรอบละ 375 คน วันละ 10-11 รอบ ไม่เกินรอบละ 1 ชั่วโมง
คราวที่แล้วไป 5,000 กว่าคนไปเวลาเดียวกันทรัพยากรพัง วันนี้ไป 4,000 คนนิด ๆ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ทรัพยากรจะยั่งยืนต่อไป

นายดำรัส กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายทำระบบ e-ticket ให้สำเร็จ โดยให้นักท่องเที่ยวจองคิวเข้าอุทยานฯ ล่วงหน้า พร้อมชำระเงินทันที เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและอำนวยความสะดวก ส่วนกรณีคนที่ไม่ได้จองและวอล์กอินเข้าอุทยานฯ หากนักท่องเที่ยวเต็มจำนวนแล้วก็ไม่สามารถรับเพิ่มได้ เพราะอาจกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
การเข้าไปเยอะ ๆ มีผลต่อทรัพยากร ขอให้ทำการบ้านก่อนเข้าพื้นที่อุทยานฯ เพื่อควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว และข้อจำกัดอัตราจ้างเจ้าหน้าที่ลดลง
ขณะนี้อุทยานฯ ทางทะเล 26 แห่ง ได้ทำข้อมูลจำนวนท่องเที่ยวที่สามารถรองรับได้เสร็จแล้ว ส่วนอุทยานฯ ทางบก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน รวมทั้งได้บริษัทที่รับทำระบบ e-ticket แล้ว
หนุนใช้ e-ticket แก้เก็บเงินแบบฉีกตั๋ว
ด้านนายอุดร นาคทองอินทร์ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี บอกว่า เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะใช้ระบบการจองตั๋วแบบ e-ticket แทนระบบการฉีกตั๋วหน้าด่านในจุดบริการนักท่องเที่ยว เพราะบางครั้งการฉีกตั๋วกระดาษเกิดความคลาดเคลื่อนได้ง่าย หากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพร้อมกันคราวละมากๆสัก 10 คนแต่ต้องฉีกตั๋วให้ตรง เช่น รถ 1 คันมีค่ารถ 100 บาท ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท
บางครั้งพอมีคนมาเที่ยวมากสัก 10 คนยออมรับว่าจะงง ไม่ทัน บางทีก็ฉีกเกินไปต้องจ่ายใส่วนต่างๆ เห็นด้วยถ้าใช้ e-ticket แทนการฉีกตั๋วส่วนหนึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดได้

นักท่องเที่ยวสูงวัยขอเลือกแบบวอล์กอิน
ด้านนายบุญโชค ทองผาตระกูล นักท่องเที่ยว บอกว่า หลังเกษียณราชการได้ออกท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง แทบจะทุกสัปดาห์ เพราะตัวเองกับภรรยาชอบธรมชาติ ชอบไปนอนกางเต็นท์ โดยเฉพาะริมเขื่อนเขาแหลม เพราะมีบรรยากาศสวย เงียบสงบและกางเต็นท์ริมน้ำ

นายบุญโชค กล่าวว่า ตอนนี้ราคาค่าท่องเที่ยวสำหรับคนคนสูงอายุอีกครึ่งหนึ่ง เช่น กางเต็นท์เหลือ 30 บาทถือว่าราคาถูกและมีความปลอดภัยมากถ้าเทียบกับไปเข้าพักค้างแรมในที่ของเอกชน
ส่วนการปรับมาใช้ระบบอี-ทิกเก็ต เคยได้ยิน สำหรับตัวเองถนัดแบบวอล์กอินซื้อตั๋วเข้ามาแทนระบบการจอง เพราะไม่ชำนาญการใช้ระบบ อีกทั้งตอนนี้ส่วนใหญ่อุทยานก็จำกัดนักท่องเที่ยว