วันนี้ (23 ม.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางการเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ระหว่างพิจารณาวิธีการจัดเก็บ และอาจจะเริ่มวันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป โดยจะนำรายได้จากการเก็บใส่ในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฉบับปรับปรุง
นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า เอกชนไม่ได้ปฎิเสธการจัดเก็บค่าธรรมเนียม เพราะต่างประเทศมีการจัดเก็บเช่นเดียวกัน ทั้งมาเลเซีย ญี่ปุ่น เพื่อนำเงินไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และอีกส่วนดูแลนักท่องเที่ยว
แต่วิธีการจัดเก็บแต่ละประเทศแตกต่างกัน ซึ่งได้หารือกับกระทรวงท่องเที่ยวฯ มาตลอด โดยการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านสายการบิน บวกกับค่าตั๋วเครื่องบิน เช่นเดียวกับการจัดเก็บภาษีสนามบิน โดยจัดเก็บทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่จะคืนเงินให้คนไทยภายหลัง น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด หากเทียบกับการจัดเก็บผ่านภาคพื้นโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารย์ว่าเหมาะสมกับช่วงเวลานี้หรือไม่ เพราะนักท่องเที่ยวน้อย นายสุรวัช มองว่า อัตราค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บ 300 บาท ไม่กระทบต่อต้นทุนท่องเที่ยวมากนัก แต่อยากให้เปลี่ยนชื่อค่าเหยียบแผ่นดิน จะมีผลต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ระหว่างพิจารณาวิธีการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ซึ่งจะจัดเก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษ.ย.2565 เป็นต้นไป พร้อมประเมินว่าจะมีรายได้เข้ากองทุนฯ ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
อ่านข่าวอื่นๆ
เริ่ม 1 เม.ย.เก็บ "ค่าเหยียบแผ่นดิน" ต่างชาติเข้าไทย 300 บาท
ดราม่า “ค่าเหยียบแผ่นดิน” อะไรคือ Tourist Tax?