ตำรวจเรียกแกนนำ นปช.เพชรบุรีรับทราบข้อกล่าวหาหลังส่งเมลขู่สื่อ
ภายหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. บางส่วน ได้เดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เพื่อเรียกร้องให้ปลด น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวออกจากการทำงานสื่อมวลชน ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่องขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน โดยเรียกร้องให้ยุติการคุกคามไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ และหากเห็นว่าสื่อมวลชนรายใดทำหน้าที่ไม่เหมาะสมหรือรายงานข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง สามารถท้วงติงหรือใช้ช่องทางของกฎหมายดำเนินการได้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลไม่ให้ละเมิดสิทธิ์การทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ทั้งนี้ยังขอให้ผู้สื่อข่าวยึดมั่นในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมปราศจากอคติ ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ
ด้าน น.ส.สมจิตต์ให้สัมภาษณ์ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ดังกล่าวถือเป็นสิทธิในการเรียกร้องได้ แต่ในแง่การทำงานทำให้มองได้ว่ากำลังถูกคุกคาม พร้อมยืนยันว่าได้ทำงานตามหน่าที่โดยไม่ได้มีอคติกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่ น.ส.สมจิตต์ได้รับอีเมลลูกโซ่ข่มขู่ด้วยการส่งภาพถ่ายและระบุข้อมูลส่วนตัวนั้น พ.ต.ท.พิตตินันท์ อุทธสิงห์ รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการออกหมายเรียก นางพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธานกลุ่ม นปช.เพชรบุรี ซึ่งได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ส่งจดหมายดังกล่าวเอง เพื่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยได้ทำการนัดหมายให้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 8 กันยายนนี้ สำหรับขั้นตอนในการดำเนินคดีหาก นางพรทิพย์ ให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะแจ้งข้อหาที่ทำให้เกิดความกลัว และทำให้ได้รับความเดือดร้อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยการส่งอีเมลดังกล่าว ไม่เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
ก่อนหน้านี้นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. เป็นเพียงกลุ่มส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งถือเป็นอิสระทางความคิดในการเคลื่อนไหว โดยเคยกล่าวกับแนวร่วม นปช.ไปแล้วว่าอย่าเคลื่อนไหวที่เป็นการแสดงความรุนแรง และให้ระวังผู้ที่แอบอ้างเข้ามาสวมรอยในการเคลื่อนไหวด้วย