จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ข่าวอากาศเย็นจากจีนลงมา ทำให้อุณหภูมิลดลงหนาวเย็น 5-9 องศาเซลเซียส วันนี้ (19 ก.พ.2565) นายสมควร ตันจาร ผอ.ส่วนพยากรณ์อากาศกลาง กรมอุตุนิยมวิทยา ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากบริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุม ซึ่งมวลเย็นระลอกนี้ ถึงจะไม่แรงเท่ากับช่วงฤดูหนาว แต่ก็ทำให้อุณหภูมิในหลายพื้นที่ลดฮวบลง
นายสมควร กล่าวว่า จากแผนที่อากาศในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.) อุณหภูมิจะเริ่มลดลงทำให้ช่วงวันที่ 21-22 ก.พ.นี้เริ่มมีอากาศเย็นลง โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคอีสานอุณหภูมิ จะลดลงถึง 5-9 องศาเซลเซียส ทำให้อุณภูมิเฉลี่ย 14-15 องศาเซลเซียส
ส่วน กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคกลาง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส คาดว่าอุณหภูมิเฉลี่ย 20-21 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงทำให้คน กทม. ภาคเหนือ และอีสานได้สัมผัสอากาศเย็นอีกครั้ง
มวลอากาศเย็นลงมา กำลังไม่แรงมาก ถ้าเทียบกับหลายปีก่อน อาจทำให้มีฝน จึงยิ่งทำให้อากาศเย็นลงได้ แต่จะให้เย็นแบบฤดูหนาวที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิจะค่อย ๆ ลดลง กทม.3-5 องศาฯ ส่วนเหนืออีสาน 5-9 องศาฯ
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนอากาศแปรปรวน 19-21 ก.พ.
ขณะที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 3 "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 19-21 ก.พ.นี้ เนื่องจากคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ในวันนี้ (19 ก.พ.) ส่งผลทำให้มีลมใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน
ลักษณะเช่นนี้ ทำให้มีลักษณะอากาศแปรปรวน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ.นี้ อุณหภูมิจะลดลง
โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-9 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส
ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย