เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2565 พระสิทธิวรนายก หรือ เจ้าคุณแจ๊ค เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน และรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก พร้อมด้วยเจ้าอาวาส 11 วัด แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดนครนายก 9 วัด และจังหวัดปราจีนบุรี 2 วัด เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมตามหมายเรียก
พ.ต.อ.พิทักษ์ ระบุว่า การเชิญตัวพระสิทธิวรนายก มาเพื่อรับทราบข้อหาเพิ่มอีก 2 คดี เพราะเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ส่วนเจ้าอาวาสอีก 11 รูป เป็นการเรียกมาเข้าเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ในบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย
เบื้องต้นพระสิทธิวรนายก ยอมรับว่า เงินที่ได้มาทั้งหมดจะถูกนำไปให้กับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด แต่ข้อมูลที่ได้ยังขัดแย้งกับหลักฐานหลายอย่างที่ตำรวจมี เช่นการมีการซื้อที่ดินร่วมกันและการนำใช้ไปในเรื่องส่วนตัว
สำหรับการดำเนินคดีพระสิทธิวรนายก เนื่องมาจากการเปิดปฏิบัติการ "ล้างบาปปราบอลัชชี" ขบวนการทุจริตเงินทอนวัดกว่า 110 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัดเฟส 4 เจ้าหน้าที่ยังพบว่าผลการตรวจสอบยังมีเงินอีกกว่า 90 ล้านบาทที่หายไป หลังจากนี้ตำรวจจะประสาน สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ส่วนนายนพรัตน์ ขณะนี้พบข้อมูลหลบหนีไปต่างประเทศ หลังถูกตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดเฟส 2 ซึ่งตัวนายนพรัตน์ เกี่ยวข้องกับการจัดสรรเงินและทอนเงิน ออกจากโครงการทำนุบำรุงศาสนาและวัดต่างๆ ทั่วประเทศหลายร้อยล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวขึ้นมาพระสิทธิวรนายก มีอาการเครียดและวิตกกังวลอย่างหนักถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย แต่ลูกศิษย์เข้ามาพบและให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงทีจึงรอดปลอดภัย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บุกจับ "เจ้าคุณแจ๊ค" รองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก ปมทุจริตเงินทอนวัด