วันนี้ (4 มี.ค.2565) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณสายที่โทร.เข้ามาที่สายด่วน สปสช. 1330 ยังมีปริมาณมาก ทั้งในระบบสายด่วน และระบบ Non Voice (ไลน์และเฟสบุ๊ก สปสช.) แต่ละวันยังคงอยู่ที่ระดับ 60,000-70,000 สาย ที่ผ่านมา สปสช.ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ และจิตอาสา รวมถึงระดมกำลังบุคลากร สปสช.จากส่วนงานอื่นมาช่วยรับสาย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้สายด่วนของแต่ละกรมในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาสนับสนุนการทำงานของ สายด่วน 1330 รับเรื่องผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อประสานเข้าสู่ระบบการรักษา ทั้งแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ หรือระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ต่อไป ซึ่งช่วยทำให้ลดจำนวนสายที่ไม่ได้รับการตอบกลับลงได้
ปรับรูปแบบใหม่รักษาโควิดแบบผู้ป่วยนอกได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขปรับแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รูปแบบใหม่ คือให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ ในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านกับสายด่วน 1330 รวมถึงช่องทางไลน์และเว็บไซต์ สปสช. หากยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหน่วยบริการภายใน 6 ชั่วโมง ขอให้ดูแลตัวเองเบื้องต้นไปตามอาการ หากมีไข้หรือไอ กินยาลดไข้ ยาแก้ไอ และผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถไปโรงพยาบาลตามสิทธิรักษาหรือใกล้บ้าน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัด 14 จังหวัดรอบ กทม. ได้แก่ นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครนายก, สิงห์บุรี, อ่างทอง, นครปฐม, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สุพรรณบุรี, สมุทรปราการ, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, โรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิตและสังกัดกรมควบคุมโรค เพิ่มศักยภาพให้การดูแลแบบผู้ป่วยนอก "เจอ แจก จบ" ให้เพิ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.2565 เป็นต้นไป รองรับบริการได้ประมาณ 18,650 รายต่อวัน
3 กองทุนสุขภาพตามจ่ายสิทธิรักษาย้อนหลัง
ทั้งนี้ แนะนำให้ โทร.นัดหมายก่อน เพื่อเข้าระบบการรักษาแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ได้ และกลับมากักตัวที่บ้านอีก 7-10 วัน ตามที่แพทย์แนะนำ โดยแต่ละกองทุนสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น สปสช. สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง จะตามจ่ายให้กับผู้ป่วยตามสิทธิการรักษาที่มี ได้แก่ 1.สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ไปได้ที่หน่วยปฐมภูมิทุกที่ ไม่ใช้ใบส่งตัว หน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, รพ.สต., หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น
2.สิทธิประกันสังคม เข้ารับบริการ รพ.ตามสิทธิที่ลงทะเบียนหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านได้ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม., รพ.สต. ฯลฯ และ 3. สิทธิข้าราชการ ไป รพ.หรือสถานพยาบาลภาครัฐ
แนะกลุ่มเสี่ยง 608 โทรประเมินอาการโควิดก่อน
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ หรือประชาชนที่ตรวจ ATK 2 ครั้งแล้วขึ้น 2 ขีด หากเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ได้แก่ 1. กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 2. กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และ 3. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป กลุ่มนี้ให้ โทร.มาที่ สายด่วน 1330 กด 14 เพื่อประเมินอาการเบื้องต้นและเข้ารักษาตามระบบต่อไป เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง
แต่หากไม่ใช่กลุ่ม 608 และไม่มีอาการ-อาการเล็กน้อย รักษาตามอาการและกักตัวอยู่ที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องแจ้งภาครัฐหรือ โทร.1330 ทุกราย เนื่องจากรักษาตามอาการได้ตามแนวทางใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เช่นกัน แต่หากต้องการรักษาตามแนวทางเจอ แจก จบ ของกระทรวงสาธารณสุข สามารถไปสถานพยาบาลตามสิทธิ-ใกล้บ้านได้เช่นกัน แนะนำโทร.นัดหมายก่อน หรือยืนยันต้องการลงทะเบียนรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ลงทะเบียนที่ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI หรือไลน์ สปสช. โดยเพิ่มเพื่อน พิมพ์ @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 ได้เช่นกัน